30 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดอกดาวเรือง จัดเป็นไม้ดอกที่มีการปลูกทั่วไป ราคานั้นค่อนข้างสูง หากช่วงไหนปีไหนความต้องการมากแต่ผลผลิตน้อย ที่ผ่านมาสูงถึงดอกละ 2.50 - 3 บาท แต่หากช่วงไหนผลผลิตล้นตลาด ราคาจะร่วงลงมาตามความต้องการของตลาดอย่างหนีไม่พ้น ซึ่งหากดอกดาวเรืองนั้นออกมามาก เกษตรกรก็ต้องมีการหันมาปรับตัวเพื่อสู้และทำราคาดอกกาวเรืองนั้นให้ดี โดยการแปรรูปในลักษณ์ต่างๆ
จากงานวิจัยหลายๆชิ้น ออกมาว่า “ดอกดาวเรือง” ไม่ได้มีดีแค่นำมาร้อยพวงมาลัยหรือจัดแจกันไหว้พระให้ความสวยเพียงเท่านั้น แต่ยังมีสารสำคัญที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย จนเกษตรกรในอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย หันมานำดอกดาวเรืองแปรรูปขาย สร้างรายได้ดี
คุณนฤดี ทองวัตร หรืออุ๋ม เกษตรกรบ้าน หนองบง อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย บอกว่า ตนนั้นมีจุดเริ่มต้นการแปรรูปชาดอกดาวเรืองว่าตนเองประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกดาวเรืองมานานกว่า 13 ปี แต่ช่วงหลายปีหลังมานี้ ต้องประสบกับปัญหาด้านการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง เกิดความไม่แน่นอนในชีวิตเป็นเหตุให้ต้องตัดสินใจลองเปลี่ยนวิธีการสร้างรายได้แบบใหม่เกิดขึ้นด้วยการพยายามมองหาจุดเด่นสำคัญของดอกดาวเรืองจนได้ค้นพบว่า ดอกดาวเรืองมีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณได้ และต่อยอดจากจุดเด่นตรงนี้หันมาทดลองแปรรูปดาวเรืองทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
เพราะมองว่ากระแสรักสุขภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคตมีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจเบนเข็มจากการขายดอกสดเปลี่ยนมาทำชาเป็นระยะเวลากว่า 3-4 ปีแล้ว ด้วยการทดลองปลูกดาวเรืองในโรงเรือน ซึ่งข้อแตกต่างของการปลูกดาวเรืองแบบนอกโรงเรือนกับในโรงเรือนนั้นจริงๆ แล้วไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สาเหตุที่ต้องแยกกันปลูกนั้น เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ของการนำดอกไปใช้ที่แตกต่างกัน
โดยการแยกปลูกในโรงเรือน เพื่อให้ปลอดภัยจากสารเคมีทุกชนิด นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแสงสีแดงให้กับดาวเรืองเพื่อให้ได้สำคัญเพิ่มขึ้นอีกด้วย”และต้องหลีกเลี่ยงจากสารเคมีทุกชนิดเพราะว่าด้วยตัวของดอกดาวเรืองเองเป็นพืชที่ค่อนข้างดูดซับสารพิษในดิน ดังนั้นการปลูกในโรงเรือนถือเป็นวิธีที่ช่วยหลีกเลี่ยงสารเคมีได้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนคือจะต้องปลูกในถุงและต้องเป็นดินที่ไม่ได้ผ่านการใช้สารเคมีใดๆมาก่อน ซึ่งอาจจะดูยุ่งยากไปสักหน่อย แต่การปลูกดาวเรืองเพื่อทำเครื่องดื่มชามีข้อดีตรงที่ไม่จำเป็นต้องทำให้ดอกสวย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องตัดเพื่อนำมาอบอยู่แล้ว มีแมลงกัดหรือนอนเจาะได้บ้าง
สำหรับการรดน้ำ เหมือนกับการปลูกดาวเรืองนอกโรงเรือนทั่วไปช่วงย้ายปลูก ประมาณ 7 วัน ให้น้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เปิดไฟสีแดง เทคนิคเพิ่มคุณภาพ เราเจอกับงานวิจัยของ ดร.เบญญา มะโนชัย ท่านเป็นอาจารย์สอนภาควิชาพืชสวนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการวิจัยเทคนิคปลูกดาวเรืองสำหรับสกัดลูทีนแล้วเกิดความสนใจ จึงได้มีการเรียนเชิญให้ท่านมาเป็นที่ปรึกษาในครั้งนี้ ซึ่งได้มีการทดลองใหม่ทั้งหมดด้วยการเก็บดอกดาวเรืองที่ปลูกทั้งในและนอกโรงเรือนและการปลูกแบบเปิดไฟและไม่เปิดไฟ จะมีสารสำคัญต่างกันหรือไม่
ซึ่งผลการทดลองออกมาว่า การปลูกแบบเปิดไฟผลวิเคราะห์ออกมาว่ามีสารสำคัญในดอกสูงกว่าแบบอื่นอย่างมีนัยยะโดยเทคนิคการใช้แสงไฟเพื่อรักษาสารสำคัญในดาวเรืองนั้นจะเริ่มเปิดไฟตั้งแต่ช่วงที่ดาวเรืองมีตาดอกแล้ว ก็คือหลังจากปลูกได้ 45 วันขึ้นไป โดยช่วงระยะเวลาการเปิดจะแบ่งเปิดเป็น 2 ช่วง คือ1.เปิดในช่วงเช้า ตี 4 ถึง 7 โมงเช้า และช่วงเย็น 5 โมงเย็น ถึง 2 ทุ่ม เปิดไปจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ขั้นตอนการแปรรูป เราจะเก็บดอกดาวเรืองที่บานเต็มที่ไม่ให้ติดเกสรออกมา เนื่องจากตรงส่วนของเกสรจะทำให้มีกลิ่นฉุนเหมือนที่เวลาได้กลิ่นของดอกดาวเรือง และนำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำไปผึ่งลมให้แห้งในที่อากาศถ่ายเทได้ดี หรือจะใช้วิธีอบก็ได้ในกรณีถ้าเป็นตู้อบลมร้อนทั่วไปควรจัดเรียงไม่ให้กลีบดอกทับกันหนาเกิน 3 เซนติเมตร และอบในอุณหภูมิ 45-50 องศาเซลเซียส ไม่ให้เกินนี้ใช้เวลาอบประมาณ 2-3 ชั่วโมง
จากนั้นนำมาบรรจุใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ เตรียมจำหน่ายดอกดาวเรืองสดจำนวน 1 กิโลกรัม เมื่อนำมาอบเป็นชาแล้วจะได้ประมาณ 100 กรัมสรรพคุณ ดอกดาวเรืองมีสารแซนโทฟิลล์ (Xanthophyll) ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ (สารต้านอนุมูลอิสระ) ชนิดหนึ่ง
โดยมีส่วนประกอบเป็นโมเลกุลที่มีออกซิเจน อันได้แก่ลูทีนและซีแซนธิน ซึ่งจัดว่าเป็นสารบำรุงสายตาจากพืชมีสี โดยทั้งสองสารนี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาได้ ช่วยกรองแสงสีฟ้าและยังเป็นสารออกซิเดชั่น ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่จะทำลายประสิทธิภาพการทำงานของจอประสาทตา โดยการนำเอาสารบำรุงสายตาจากดอกดาวเรืองมาใช้แนะนำให้ชงเป็นชาดื่ม 1 หยิบมือต่อน้ำร้อน 1 แก้วกาแฟเท่านี้ก็จะได้รับสารบำรุงสายตาที่ซ่อนอยู่ในดอกดาวเรืองแล้ว
สำหรับการสร้างมูลค่าของดอกดาวเรืองนั้น ชาดอกดาวเรือง 10 กิโลกรัม ขายในราคา 2,500-3,000 บาท ต่างจากการขายดอกสด 10 กิโลกรัม จะได้เงินประมาณ 300 บาท เมื่อมีการแปรรูปทำชาคือสามารถเก็บไว้จำหน่ายได้นานเป็นปี ซึ่งดอกสด อยู่ได้แค่ 3-5 วัน จะกลายเป็นขยะทันที มีรายได้ ดีขึ้นกว่าตอนปลูกแบบเดิมถือว่ามองว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพิ่มรายมากว่าก่อนนี้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับตลาด ตอนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าร้านชาต่างๆ
1. กลุ่ม“ชาเบลนด์” คือการนำสมุนไพร ผลไม้ หรือดอกไม้อบแห้งตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป ผสมลงไปในขั้นตอนการชงชา
2. กลุ่มชาเพื่อสุขภาพและได้ลูกค้าเพิ่มจากการบอกกันปากต่อปาก ซึ่งร้านชาที่มีชื่อเสียงหลายๆร้าน ก็ใช้ชาของที่นี่เป็นวัตถุดิบหลักมีทั้งลูกค้าจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภาคใต้ ก็มีร้านเบนชาที่มีชื่อเสียงหลายๆ ร้านก็ใช้ชาของเราเป็นวัตถุดิบผสมมีทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภาคใต้ ก็มี
3.วางขายหน้าร้านกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดาวเรืองภูเรือ
4. ผ่านออนไลน์“ช้อปปี้ (Shopee)”
5. เพจเฟซบุ๊ก ดีธรรมดา by ทุ่งดาวเรืองภูเรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 088 021 4456 หรือติดต่อได้ที่เพจ : ดีธรรมดา by ทุ่งดาวเรืองภูเรือ.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี