ชื่นชม! กลุ่มสตรี-แม่บ้านจิตอาสา ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ว่างจากการกรีดยางพารา รวมกลุ่มกันทำ “ขนมเจาะหู” หรือทางใต้นิยมเรียกว่า “ขนมรู” ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านที่เริ่มหากินได้ยาก เพื่อช่วยเหลืองานบุญในชุมชนและงานพรรคพวกเพื่อนฝูง รวมทั้งยังคงมีการจำหน่ายด้วยหากใครสนใจ โดยรสชาติมีความอร่อย กรอบนอกนุ่มใน และที่แตกต่างสามารถเก็บค้างคืนโดยที่แป้งไม่แข็ง
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านสวนจากคาเฟ่ ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของ ด.ต.นิติธร ผลิผล หรือ จ่าโก้วีไอพี ตำรวจหน่วยสันติบาลตรัง และเป็นเจ้าของร้านสวนจากคาเฟ่ โดยภายในงานได้มีการมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนและนักเรียน ได้มีบรรดาร้านอาหารและเครื่องดื่มหลายร้านเข้ามาร่วมจำหน่ายและต่างมาทำอาหารเพื่อเป็นการแจกให้กับคนที่มาร่วมงานได้รับประทานกัน หนึ่งในนั้นเป็นร้านขายขนมเจาะหู , ขนมดีซำ หรือที่ชาวปักษ์ใต้นิยมเรียกกันว่า ขนมรู ได้มีบรรดากลุ่มสตรีและแม่บ้านจาก ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งนำโดย นางบ่อเรียะ เกื้อสา หรือจ๊ะม๊า อายุ 53 ปี นางผกามาศ เหล็มปาน หรือจ๊ะผ๊ะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.ในควน ซึ่งเป็นชาวไทยมุสลิม พร้อมด้วยทีมงานกว่า 10 คน ต่างมาร่วมกันทำขนมรู หรือขนมเจาะหู ด้วยจิตอาสา ซึ่งงานนี้ทางกลุ่มไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียวจากเจ้าของงาน ซึ่งค่าใช้จ่ายทางกลุ่มจะลงขันออกกันเอง เนื่องจากมีความสนิทสนมและรักใคร่กันกับ ด.ต.นิธิธร และยังถือเป็นการทำบุญเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคม
ซึ่งขนมเจาะหู หรือขนมรู เป็นขนมที่เกิดจากการเคี่ยวน้ำตาลแดงจนเหนียวข้น จากนั้นผสมแป้งข้าวเจ้าและนำแป้งมานวดต่อให้ได้ที่ก่อนจะนำไปทอด มีรูปร่างวงกลมเหมือนโดนัท เป็นขนมสำคัญในเทศกาลทางภาคใต้ของประเทศไทย มักทำขึ้นในช่วงเทศกาลฮารีรายอของชาวมุสลิม เป็นขนมรายอ งานบุญของศาสนาพุทธ เช่น งานบุญสารทเดือนสิบ หรือทำบุญชิงเปรต เพราะทรงคล้ายเบี้ยหอยสมัยโบราณ โดยขนมดังกล่าวแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน แต่ไม่แตกต่างกันไปมาก เปลี่ยนแค่สีของขนม แต่รสชาติยังคงเดิมอยู่ ปัจจุบัน นับว่าเป็นขนมอีกหนึ่งอย่างที่หากินได้ยากแล้ว
ด้าน นางผกามาศ เหล็มปาน หรือจ๊ะผ๊ะ บอกว่า ขั้นตอนแรกในการทำขนมเจาะหู เป็นการนำแป้งข้าวเจ้า น้ำตาล กะทิ มาผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำแป้งที่ได้ไปปั้นเป็นก้อนๆ โดยในขณะที่ปั้นแป้งอยู่นั้น ก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้เดือด และปั้นแป้งให้เป็นรูปกลมๆ และเจาะให้เป็นรูกลมที่ตรงกลาง และนำไปทอดในน้ำมันให้พอเหลือง ก่อนจะยกมาสะเด็ดน้ำมัน และรอให้เย็น ก่อนจะรับประทานได้เลย ซึ่งความยากง่ายจะขึ้นอยู่กับแป้งและวิธีการคลุกเคล้า ซึ่งส่วนผสมหากมีอะไรที่ไม่พอดีหรือมากเกินไปก็จะทำให้ตัวขนมแข็ง เนื้อแป้งไม่อร่อย และที่สำคัญต้องใส่ใจเข้าไปด้วย ซึ่งขนมของเรามีรสชาติหอม หวาน กรอบนอก นุ่มใน และที่แตกต่างจากที่อื่นคือสามารถเก็บไว้ข้ามคืนได้โดยที่ไม่แข็งและยังคงความนุ่มกรอบไว้เหมือนทอดใหม่ๆ
นางผกามาศ บอกอีกว่า ขนมดังกล่าวเป็นขนมพื้นบ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่ในกลุ่มที่ทำกันมีอาชีพกรีดยาง หลังจากกรีดยางเสร็จ หรือพักผ่อนเสร็จแล้ว ก็จะมารวมกลุ่มกันทำขนมเจาะหู และหากมีงานบุญ งานบำเพ็ญกุศลศพหรืองานต่างๆภายในชุมชน ทางทีมงานที่ได้มีการรวมกลุ่มกันก็จะออกไปทำขนมให้คนที่มาร่วมงานได้รับประสานกัน และหากเวลาว่างจริงๆ หรือมีใครติดต่อให้ไปทำจำหน่ายทางกลุ่มก็จะไปทำจำหน่ายกัน โดยขายอยู่ที่ 10 ชิ้น ในราคา 20 บาท แต่ในวันนี้ได้มาทำให้ฟรีเพื่อให้คนในงานได้รับประสานกัน ถือเป็นการช่วยเหลือและเป็นบุญให้กับพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักกัน หากใครสนใจติดต่อให้ไปทำจำหน่ายหรือทำในงานบุญในพื้นที่ของ จ.ตรัง หรือข้างเคียงสามารถติดต่อพูดคุยกันได้ที่เบอร์ 087-387-1889 นางบ่อเรียะ เกื้อสา หรือจ๊ะม๊า (ประธานกลุ่ม)
นางผกามาศ ทิ้งท้ายว่า กลุ่มดังกล่าวที่มีอยู่เราได้เริ่มต้นมาตั้งแต่กว่า 20 ปีที่แล้ว โดยเกิดขึ้นจากความคิดของผู้เป็นแม่ของนายทรงศักดิ์ สังขาว หรือนายกลอย นายก อบต.ในควน และยังเป็นแม่ของนางบ่อเรียะ เกื้อสา หรือจ๊ะม๊า ซึ่งเป็นประธานกลุ่ม ได้ริเริ่มตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือกันในชุมชน ก่อนจะทำแบบนี้มาตลอด จนกระทั้งอายุมากและทำไม่ไหว นางบ่อเรียะซึ่งเป็นลูกสาว จึงได้รวมกลุ่มกันขึ้นมาใหม่เป็นรุ่นที่ 2 และมีการสืบทอดสูตรในการทำจากผู้เป็นแม่มาอย่างตลอด
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี