วันนี้...พาไปเที่ยวราชบุรีไปชิมเมนูอาหารพื้นบ้านจากลูก "สะแล" ซึ่งเป็นไม้เถาวัลย์เลื่อยนิยมกินกันมากทางภาคเหนือออกลูกปีละ 1 ครั้ง แต่ราคาแพงลิบลิ่วกิโล 300 บาท เพราะหากินยาก
"สะแล" เป็นไม้เถาวัลย์เลื่อยที่หายาก ปลูกยาก ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่ตามป่าเบญจพรรณ มีมากทางภาคเหนือของไทย 1 ปีจะออกดอกออกผลแค่ครั้งเดียว ช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ลูกสะแลมีผู้คนนิยมนำมาแกงส้มปรุงเป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนืออร่อยมาก
แต่ที่ "ร้านอาหารกิ๋นลำ" ที่แปลว่า "กินอร่อย" ตั้งอยู่เลขที่ 39/1 หมู่ 5 ต.จอมบึง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ ผศ.ว่าที่ ร.ต.ดร.วสันต์ นาคเสนีย์ และ ดร.ทัศนีย์ นาคเสนีย์ อาจารย์ประธานสาขาวิชาการท่องเที่ยวและบริการคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี พื้นเพเป็นชาวจังหวัดลำปางได้ปลูกต้นสะแลไว้แค่ต้นเดียวข้างบ้านเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ถือเป็นต้นไม้พื้นถิ่นทางภาคเหนือ ที่ปลูกขึ้นต้นแรกมีให้เห็นใน อ.จอมบึง
โดยอาจารย์ทั้ง 2 ได้ย้ายครอบครัวให้บิดาและมารดามาอยู่ที่ราชบุรีด้วยกัน คุณพ่อชอบปลูกพืชผัก ผลไม้ อยากปลูก อยากกินอะไรก็ปลูกและยังนำต้นสะแลจากภาคเหนือมาทดลองปลูกจนกระทั่งปีนี้ได้ออกดอก ออกลูกเป็นปีแรกดกเต็มต้น ตามกิ่งก้านที่ทอดยาวเลื้อยลงดิน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยคิดว่าคงจะไม่ได้กินแล้ว เพราะด้วยสภาพพื้นที่และภูมิอากาศระหว่างภาคเหนือและภาคกลางแตกต่างกัน
แต่พอมาช่วงปลายปีเริ่มยิ้มออก สะแลเริ่มออกดอกเป็นปีแรก จึงได้ให้มารดาเด็ดนำมาแปรรูปปรุงเป็นอาหาร รสชาติอร่อยเมื่อผสมเครื่องปรุงตามสูตรแกงเหนือและมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้เป็นที่นิยมของร้านอาหารที่อยู่ทางภาคเหนือนำไปประกอบเมนูอาหารจำพวกแกงส้มใส่กับซี่โครงหมูอ่อนบริการลูกค้า ทำให้ลูกสะแลมีราคาแพงสูงถึงกิโลกรัมละ 300 บาทจะออกผลผลิตให้เก็บได้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์เท่านั้นถือเป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่หากินได้ยากมากไม่แพ้กับผักหวาน และพืชผักอีกหลายชนิดของทางภาคกลางที่มีหากินได้ปีละครั้งเช่นกัน
อาจารย์ ดร.ทัศนีย์ นาคเสนีย์ เจ้าของร้านกิ๋นลำอาหารเหนือ เปิดเผยว่า สะแลเป็นภาษาเหนือ ส่วนทางภาคใต้อาจจะเรียก ต้นชงแดง ต้นสะแลทางภาคเหนือถือเป็นผักพื้นบ้านที่ค่อนข้างจะหากินยาก จากการสืบค้นพบคุณสมบัติของผักสะแลมีประโยชน์มาก อาทิ มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านมะเร็ง จากความเชื่อที่บอกถึงสรรพคุณของผักสะแลชนิดนี้
นางปิยะนันท์ เทพหาร อายุ 66 ปี มารดา เปิดเผยว่า กรรมวิธีการนำลูกสะแลมาทำเป็นแกงส้ม หรือจะนำมานึ่งกินกับน้ำพริกเป็นผักที่ชื่นชอบของคนทางภาคเหนือมาก ลักษณะลำต้นคล้ายเถาวัลย์เลื่อยยาว เด็ดเอาลูกและดอกมาแกง โดยจะมีเครื่องปรุงแกงส้มมีกะปิ หัวหอม กระเทียม ตระไคร้ ปลาร้า ผงนัวนิดหน่อย มะขามดิบ เป็นเครื่องปรุงสำหรับแกงส้ม บางร้านจะขายเป็นห่อ หรือเป็นจานแบ่งขาย จานละ 50 บาท หรือกิโลกรัมละ 300 บาท ตอนนี้ลองนำมาปรุงเมนูแกงส้มขายอยู่ที่ร้านพร้อมกับเมนูอาหารเมืองเหนืออีกหลายอย่างให้ลูกค้าได้ลองรับประทาน ช่วงนี้ยังพอหาเก็บลูกสะแลนำมาปรุงขายได้ แต่หากเลยเดือนกุมภาพันธ์ไปแล้วคงต้องรอชิมอีกครั้งในปีหน้า
ส่วนวิธีการทำแกงส้มสะแลจะนำกระเทียม พริก ตะไคร้ กะปิ ใส่ลงในครกโขลกให้พอละเอียดก่อนตักใส่ลงในหม้อที่ได้เคี่ยวกับกระดูกซี่โครงหมูไว้ก่อนแล้วคนให้เข้ากันซึ่งน้ำที่เคี่ยวกับกระดูกหมูจะมีรสชาติออกหวานของน้ำต้มกระดูก จากนั้นรอให้น้ำเดือดแล้วจึงใส่ลูกมะเขือเทศลงไป คนให้เข้ากันแล้วจึงยกลงเพื่อตักเสริ์ฟบริการลูกค้าเริ่มตั้งแต่ชามละ 50 บาทขึ้นไปโดยกลิ่นของเครื่องแกงจะหอมโชยอ่อน ๆ ลักษณะของน้ำจะมีสีคล้ำไม่เหมือนแกงส้มของทางภาคกลาง แต่รสชาติออกเปรี้ยวเล็กน้อยจากมะขามสดที่ใส่ลงไป
ส่วนเมนูอาหารทางเหนือที่อยากแนะนำจะมีแกงฮังเล ไส้อั่ว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ลาบเหนือ ลาบหมูคั่ว มีผักปลอดสารที่ปลูกเองที่บ้านไว้ลูกค้าได้เลือกรับประทานกับเมนูอาหารมากมาย
นักท่องเที่ยวที่สนใจอยากลิ้มลองอาหารทางภาคเหนือ ที่นี่มีหลากหลายเมนูมีให้ชิมได้ที่ ร้านกิ๋นลำ อาหารเหนือ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น ส่วนในเขตพื้นที่ อ.จอมบึง สามารถสั่งผ่านฟู้ดแพนด้าได้ หรือสนใจสอบถามรายละเอียด อยากศึกษาเรื่องต้นสะแลสามารถโทรติดต่อได้ที่เบอร์ 081-7211107
- 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี