ภายหลังจากที่แก๊สหุงต้มมีการปรับขึ้นราคากิโลกรัมละ 1 บาท  มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา  ทำให้แก๊สหุงต้มขนาดบรรจุถังละ 15 กิโลกรัม ปรับขึ้น 15 บาท ทำให้หลายๆ ร้านได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะร้านก๋วยเตี๋ยวที่เรียกได้ว่าแทบจะต้องใช้แก๊สตลอดเวลาได้รับผลกระทบไปเต็มๆ  

นางสาวศิริวรรณ ชนะมาร เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือริมเขื่อน ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตั้งแต่แก๊สหุงต้มมีการปรับขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ราคาแก๊สค่อนข้างที่จะสูงขึ้นจากเดิมเยอะมาก ทางร้านมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ จากเดิมที่เคยใช้เคยในการตุ๋นเนื้อ  ตุ๋นหมู  และทำน้ำซุป ก็ปรับเปลี่ยนมาใช้เตาถ่านแทน 100% เพราะการตุ๋นเครื่องแต่ละรอบจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ทำให้ช่วยลดต้นทุนค่าแก๊สไปได้กว่าเท่าตัว 

ส่วนแก๊สหุงต้มก็จะใช้ในการลวกก๋วยเตี๋ยว และอุ่นน้ำซุป จากเดิมเคยใช้แก๊สวันละประมาณ 2 ถัง พอมาใช้เตาถ่าน ก็จะใช้แก๊ส 2 วันต่อ 1 ถัง เพราะก๋วยเตี๋ยวต้องใช้เวลาเคี่ยวค่อนข้างนาน  เพราะหากใช้แก๊สเพียงอย่างเดียว  สู้ราคาไม่ไหวจริง ๆ 

ส่วนราคาแก๊สล่าสุดที่ซื้อมา คือถังละ 430 บาท ถือว่าเป็นราคาที่สูง บวกกับทั้งค่าเนื้อหมู เนื้อวัว เครื่องปรุง และวัตถุดิบๆ ต่างๆ ก็ขึ้นราคาเกือบทั้งหมดทำให้ต้นทุนก๋วยเตี๋ยวต่อชามราคาก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ทางร้านก็ยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาแต่อย่างใด ยังคงขายราคาเดิม คือเริ่มต้นที่ชามละ 20 บาท ไปจนถึงชามละ 50 บาท

ทั้งนี้ การใช้ฟืนที่ได้มาก็มาจากหัวไร่ปลายนาของตนเอง และเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านที่นำฟืนมาขายให้กับที่ร้านพอมีรายได้ ซึ่งข้อดีของการใช้เตาถ่าน นอกจากจะช่วยประหยัดแก๊สแล้ว ก็ยังช่วยให้รสชาติอาหารจากการใช้เตาถ่านมีรสชาติที่ดีขึ้นมีความหอม รสชาติกลมกล่อม.-008