สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 ว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2565 กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร้องซึ่งอาศัยอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานครที่ไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคล แต่มีกลุ่มบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมของหมู่บ้านเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการหมู่บ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านได้รับผลกระทบหลายประการ
อาทิ นำทรัพย์สินส่วนกลางไปให้เอกชนเช่า และอนุญาตให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งใช้ถนนของหมู่บ้านขนวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ทำให้ถนนเสียหาย ผู้อาศัยในหมู่บ้านได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง นอกจากนี้ ผู้ร้องยังมีความกังวลเรื่องบริษัทดังกล่าวถมดินลงไปในลำรางสาธารณะ อาจทำให้น้ำท่วมหมู่บ้านในฤดูฝน ซึ่ง กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า กรณีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน อันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิชุมชน โดยมีประเด็นพิจารณาแยกเป็น 2 ประเด็น ดังนี้
1.การที่สมาคมของหมู่บ้านดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทเอกชนนำรถบรรทุกสัญจรผ่านเข้าออกถนนภายในหมู่บ้าน เป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อาศัยในหมู่บ้านหรือไม่ เห็นว่า โครงการหมู่บ้านจัดสรรตามคำร้องได้ยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดินเมื่อปี 2524 ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2515 บัญญัติให้ สาธารณูปโภคซึ่งผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดินตามแผนผังและโครงการที่ได้รับอนุญาต เช่น ถนน สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น ตกอยู่ในภาระจำยอม เพื่อประโยชน์ของที่ดินจัดสรร
และให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินหรือผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่จะบำรุงรักษาให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นตลอดไป และจะทำการใดๆให้ประโยชน์ลดไปหรือเสื่อมความสะดวกมิได้ซึ่งต่อมาบริษัทของหมู่บ้านจัดสรรแห่งดังกล่าวตกเป็นบุคคลล้มละลายไม่สามารถทำหน้าที่ในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคของหมู่บ้าน ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรบางส่วนจึงได้รวมตัวกันจัดตั้งสมาคมของหมู่บ้านเพื่อทำหน้าที่ดูแลสาธารณูปโภค และได้อนุญาตให้บริษัทเอกชนซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ติดกับหมู่บ้าน นำรถบรรทุกสัญจรผ่านถนนภายในหมู่บ้านเพื่อออกไปยังถนนสาธารณะ
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับข้างต้นซึ่งใช้บังคับขณะที่บริษัทหมู่บ้านจัดสรรยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดิน ประกอบกับ พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ประกาศใช้ภายหลัง กำหนดให้ผู้มีสิทธิในการจัดการสาธารณูปโภคของหมู่บ้านจัดสรร ได้แก่ ผู้จัดสรรที่ดินหรือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรเท่านั้น ดังนั้น สมาคมของหมู่บ้านจัดสรรที่ถูกจัดตั้งขึ้นจึงมิใช่ผู้มีสิทธิในการจัดการสาธารณูปโภค และไม่สามารถอนุญาตให้บริษัทเอกชนนำรถบรรทุกสัญจรผ่านถนนภายในหมู่บ้านจนส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของชุมชนและก่อให้เกิดความเดือดร้อนและกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวได้
2.บริษัทเอกชนซึ่งนำรถบรรทุกสัญจรผ่านเข้ามายังถนนภายในหมู่บ้านจัดสรร มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อาศัยในหมู่บ้านหรือไม่ เห็นว่า การที่บริษัทเอกชนจะนำรถบรรทุกขนวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างสัญจรโดยใช้ถนนทางสาธารณะของหมู่บ้าน แม้จะเป็นการสัญจรผ่านไปยังที่ดินในโครงการในหมู่บ้านจัดสรรแปลงที่ตนเป็นเจ้าของ แต่ก็เป็นการใช้เพื่อประโยชน์ของที่ดินหรือกิจการที่อยู่ภายนอกผังโครงการหมู่บ้าน
ซึ่งถนนภายในโครงการหมู่บ้านถูกออกแบบและได้รับอนุญาตตามกฎหมายเพื่อใช้สำหรับประโยชน์ของที่ดินและที่อยู่อาศัยในโครงการหมู่บ้านเท่านั้น การที่นำรถบรรทุกสัญจรเข้า-ออกภายในถนนของโครงการหมู่บ้านจนก่อให้เกิดความเดือดร้อนและกระทบต่อสิทธิในทรัพย์สินของผู้ร้องและผู้อาศัยอยู่ชุมชน จึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ร้องและผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าว
ในส่วนของประเด็นร้องเรียนเรื่องว่าบริษัทเอกชนมีการถมดินกลบทับลำรางสาธารณะจนอาจก่อให้เกิดการขวางทางไหลของน้ำและอาจทำให้น้ำไหลท่วมท้นเข้ามายังโครงการหมู่บ้านนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ลำรางสาธารณะมีแนวเขตสิ้นสุดที่บริเวณที่ดินอันเป็นที่ตั้งของบริษัทเอกชนดังกล่าวเท่านั้น ไม่ไหลผ่านถึงที่ดินแปลงอื่นในหมู่บ้าน จึงไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาตามเรื่องร้องเรียนของผู้ร้องส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากโครงการหมู่บ้านไม่มีผู้ทำหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภคตามกฎหมาย เนื่องจากผู้จัดสรรที่ดินตกเป็นบุคคลล้มละลาย และผู้ซื้อที่ดินจัดสรรยังไม่สามารถจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้ ฉะนั้น เพื่อให้สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินของผู้ร้อง ตลอดจนผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองที่ดินในโครงการได้รับความคุ้มครองตามเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน
“กสม. ในคราวการประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2566” จึงมีข้อเสนอแนะไปยังสมาคมของหมู่บ้านและบริษัทเอกชนผู้นำรถบรรทุกสัญจรเข้า-ออกผ่านถนนของโครงการหมู่บ้าน ตลอดจนกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร รวมทั้งคณะรัฐมนตรี สรุปได้ดังนี้ 1.ให้สมาคมของหมู่บ้านยุติการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสาธารณูปโภคของโครงการหมู่บ้าน และให้บริษัทเอกชนยุติการสัญจรเข้าออกผ่านถนนของโครงการหมู่บ้าน และดำเนินการให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าออกที่ดินตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ดำเนินการซ่อมแซมผิวถนนภายในหมู่บ้านให้อยู่ในสภาพดีดังเดิม ทั้งนี้ ให้ดำเนินการภายใน 60 วันนับแต่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบฉบับนี้ 2.ให้กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตบึงกุ่ม ร่วมกับกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบึงกุ่ม ดำเนินการเชิงรุกด้วยการเป็นผู้ประสานงานให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรของหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวสามารถดำเนินกระบวนการเพื่อจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรตามกฎหมาย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในการดูแลสาธารณูปโภคของหมู่บ้าน
และป้องกันปัญหาความขัดแย้งระหว่างเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองที่ดินจัดสรรที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งให้กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตบึงกุ่ม ตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำที่เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โครงการหมู่บ้านและตรวจสอบเหตุเดือดร้อนรำคาญด้านเสียง กลิ่น ฝุ่นละออง ฯลฯ ซึ่งเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการของบริษัทเอกชนผู้นำรถบรรทุกสัญจรเข้าออกโครงการหมู่บ้าน หากพบเหตุให้เร่งแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งดำเนินการให้ผู้ได้รับความเสียหายได้รับการเยียวยาโดยเร็ว
นอกจากนี้ ให้คณะรัฐมนตรี ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 เพื่อให้หมู่บ้านจัดสรรที่ผู้จัดสรรที่ดินทิ้งร้างไม่บำรุงรักษาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานซึ่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และผู้ซื้อที่ดินจัดสรรที่ไม่สามารถดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านได้ สามารถโอนสาธารณูปโภคเป็นสาธารณประโยชน์ หรือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจบำรุงรักษาสาธารณูปโภคนั้นได้!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี