สำนักงานเอเชียแปซิฟิก สถานีวิทยุโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG ASIA-PACIFIC) จัดสัมมนาเรื่อง "ความทันสมัยแบบอัตลักษณ์จีนและโอกาสใหม่ของโลก ณ ประเทศไทย" วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2566 เมื่อเวลา 12.00 -16.20 น. ที่ห้องประชุมจันทร์จรัส ชั้น 3 อาคารอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาคมโลกเข้าใจเส้นทางการพัฒนาของประเทศจีนหลังการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนตุลาคม 2565 และการประชุมสองสภาของประเทศจีนเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ภายในงาน นางสาวเหลี่ยว ลี่ (Liao Li) รองผู้อำนวยการ สำนักงานเอเชีย-แปซิฟิก สถานีวิทยุโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CCTV) กล่าวเปิดงาน โดย “ดร.ดนุช ตันเทิดทิตย์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ความทันสมัยแบบอัตลักษณ์จีนและความร่วมมือไทยจีนทางด้านวัตกรรม” และ ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสายแถบและเส้นทางไทย-จีน ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและความทันสมัยแบบอัตลักษณ์จีน” จากนั้น นายภูวนารถ ณ สงขลา นายกสามาคมผู้สื่อข่าวไทยจีน ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ความทันสมัยแบบอัตลักษณ์จีนในสายตาสื่อมวลชน
ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสายแถบและเส้นทางไทย-จีน ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและความทันสมัยแบบอัตลักษณ์จีน โดยมีเนื้อหาดังนี้
“ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง สร้างโอกาสการพัฒนาทั่วโลก และ เสนอแนวคิดอย่างสร้างสรรค์ เช่น ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และ เส้นทางประชาคมจีน-อาเซียน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้สร้างความประทับใจให้แก่ทั่วโลก โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอให้เดแนวทางร่วมกันทางเศรษฐกิจ คือ เส้นทางสายไหม จึงเป็นที่มาในข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่อเชื่อมโยงสิ่งอำนวยความสะดวก การเชื่อมโยงด้านการเงิน และ ระหว่างประชาชาคม ทำให้เกิดความสำเร็จในทางเศรษฐกิจของจีน และ จีนมีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และ หลังวิกฤตโควิด-19 จีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า ไม่สามารถพัฒนาได้ โดยไม่มีโลก และ โลกก็ต้องการจีนเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันในส่วนการเมืองการปกครองจีนยังมั่นคงในระบบสองสภา รวมทั้งมีความทันสมัยแบบอัตลักษณ์จีน ทำให้มีคุณค่าแก่ประเทศกำลังพัฒนา เช่น เส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวประโยคว่า ภูเขาก็ไม่สูงอีกต่อไป และ ถนนก็ไม่ยาวอีกต่อไป” ดร.วิรุฬห์ กล่าว
ภายในงานนี้ยังมีเวทีเสวนาที่มีเนื้อหาครบรสด้วยหัวข้อ “ความร่วมมืออาเซียน-จีนในสายตาผู้นำรุ่นใหม่ไทย” โดยมีผู้ร่วมเสวนา 5 ท่าน ได้แก่ พล.ท.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ที่ปรึกษา กระทรวงพาณิชย์, นายหลิน เหว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน และ รองศาสตราจารย์ ดร.ธิตินันท์ ชาญโกศล รองคณบดี ฝ่ายยุทธศาสตร์วิจัยและพัฒนาศักยภาพองค์กร คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยนายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ และนางสาวหลี่ หมิน (Li Min) หัวหน้าสำนักงานเอเชียแปซิฟิกประจำกรุงเทพฯ (CMG) กล่าวเปิดงานในช่วงเสวนา
พล.ท.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ การสร้างโครงการทำให้เกิดความมุ่งมั่น สิ่งที่ผมประทับใจ คือ ยุทธศาสตร์ 3 หลง ได้แก่ หลงเย่ คือ เกษตรกรรม ต้องเป็นเกษตรกรรมที่ทันสมัย มีคุณภาพสูง อันที่สูงคือ หลงชุน พัฒนาพื้นที่ชนบท และ อันที่สามคือ หลงหวิน ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้พ้นความยากจน ความจริงจังและความมุ่งมั่นทำให้เกิดความสำเร็จ
“ตั้งแต่ปี 2010 ผมได้กลับไปเรียนที่จีนอีกครั้ง ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบรายวัน แต่สิ่งหนึ่งไม่เคยเปลี่ยน ผมประทับใจประโยคของจีนประโยคหนึ่ง คือ จงไท่อี้เอี้ยจิน ความสนิทสนมเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน จะมีเฉพาะประเทศไทยกับจีนเท่านั้น และ ความสัมพันธ์นี้ได้พิสูจน์ผ่านกาลเวลา” พล.ท.ไชยสิทธิ์ กล่าว
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ที่ปรึกษา กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความก้าวหน้าของจีน คือ การยืนหยัดด้วยตนเอง พึ่งพาตนเอง พึ่งพาเศรษฐกิจของตนเอง มีพันธมิตรทางเศรษฐกิจ และ เป็นที่พึ่งพิงของผู้อื่นได้ เทคโนโลยีทำให้จีนเป็น “เฟ่ยฉี่ไหล” ซึ่งแปลว่า พุ่งขึ้นไป หรือ อาจเรียกได้ว่า จีนสามารถบินออกไปนอกโลก ซึ่งจีนก็โดดเด่น และ ต่อไป จีนจะเป็นเจ้าแห่งเอไอ (AI) โลก ขณะที่ปรากฎการณ์โลกร้อน จีนเป็นประเทศที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นส่วนหนึ่งทำโลกร้อน ทำให้จีนปรับตัวเรื่องโลกสีเขียว อันที่สองคือ จีนเป็นเจ้าแห่งพลังงานสะอาดโลก และ อันที่สาม คือ วิถีชีวิต ซึ่งชัดเจนมาก คือ คุณธรรมของสังคมรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเรื่องความกตัญญู หัวใจสำคัญของความเป็นมนุษย์ และ ตัวสุดท้าย คือ เรื่องความมั่นคง ก็มีเรื่องกระตุกหนวดมังกรอยู่เรื่อยๆ ที่ทำให้เขาต้องแสดงแสนยานุภาพ และ จีนฉลาดพอที่จะนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว
นายหลิน เหว่ย ประธานบริหารสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย-จีน กล่าวว่า เทคโนโลยีในจีนปัจจุบันทันสมัยมากใช้ 5 จี ไม่ว่าจะเรียกรถแท็กซี่ ซื้อของสั่งของ อย่างเถาเป่า ซึ่งประเทศไทยต้องพัฒนาให้ทันจีน
รองศาสตราจารย์ฐิตินันท์ ชาญโกศล รองคณบดี ฝ่ายยุทธศาสตร์วิจัย และ พัฒนาศักยภาพองค์กร คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า จีนเน้นคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูง หรือ การสร้างผู้ประกอบการเชิงนวัตกรรม ทำให้เราเห็นว่า รายงานหรือการวิจัยต่างๆ มุ่งเน้นพัฒนาให้งานวิจัยดีขึ้น โดยเน้นไปที่ตัวนิสิต และ นักศึกษา
นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศจีนสามารถเป็นประจักษ์พยานที่ดีต่อโลกภายนอก ทั้งเชิงประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม ซึ่งคนไทยกับคนจีน มีความสัมพันธ์ในเชิงเชื้อสาย เวลาที่คนไทยพูดถึงจีน จะเห็นความลึกซึ้งที่แตกต่างกัน ทางประเทศจีนบอกได้ว่า คนภายนอกที่ประเทศจีนได้สัมผัสทั้งภาพลักษณ์ และ เอกลัษณ์ของจีนแฝงอยู่ในความเป็นจีนใหม่ และ มีความทันสมัย โดยจีนมีประโยคที่สำคัญว่า “การให้โอกาสในสิ่งที่เขาไม่มี และ การไม่ตัดโอกาสในสิ่งที่เขามีอยู่แล้ว” รวมถึงการรู้เท่าทันจีนเป็นโอกาส แต่ถ้ารู้ไม่ทันเป็นวิกฤต สิ่งเหล่านี้เป็นแง่มุมที่ไทยต้องศึกษาและเรียนรู้จีน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี