ขณะนี้มีผู้ห่วงใยกันมากว่า เราอาจจะถูกกลืนชาติ เพราะปัจจุบันบรรดาชาวจีนพากันอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยกันมาก มาซื้อมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมากแห่ง มาสร้างหมู่บ้านจัดสรรทางภาคเหนือ มาตั้งแหล่งทำธุรกิจสีเทาแดง ถนนรัชดา กรุงเทพฯ และมาซื้อคอนโดฯแพงๆ แถวถนนเอกมัย สุขุมวิท ทองหล่อ สาทร
แถมตามถนนคนเดิน ตามเมืองท่องเที่ยวภาคเหนือและภาคอื่นๆ คนขายก็จะเป็นชาวจีน ที่ยังพูดไทยไม่ค่อยได้
การที่ไทยจะถูกกลืนชาติ หรือสิ้นชาติไทย ก็ย่อมเป็นไปได้ เพราะเราอยู่ใกล้มหามิตรมาก การเข้าออกก็สะดวก ยิ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเอาหูไปนา เอาตาไปไร่หรือไปร่วมกับชาวจีนสีเทา การสิ้นชาติไทยก็อยู่ไม่ไกลเกินไปนัก
โดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาในยุคปัจจุบัน เป็นชาวจีนที่มีทุนรอนหนา มีการศึกษา มีความรู้ทางเทคโนโลยี มีประสบการณ์ ได้รู้ ได้เห็น และได้ทำ มาแล้วจนประเทศจีนในระยะสี่สิบปีมานี้ ได้ก้าวข้ามจากการเป็นชาติยากจน มาสู่ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทางทหาร ทางเทคโนโลยี จนคุณลุงผู้นำอเมริกันชนเอง ก็กลัวจนขนหัวลุก
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับคนไทยเอง ที่จะปล่อยปละละเลย มัวแต่แย่งชิงอำนาจ มัวแต่คอร์รัปชั่น มัวแต่นิยม “ธุรกิจการเมือง” เพื่อความสุขส่วนตัวและญาติพี่น้อง พรรคพวก ประเทศไทยก็คงจะถูกกลืนชาติแน่
_________________________________
เว้นเสียแต่ว่า ถ้าชาวไทยเอง มีความตระหนักในเรื่องนี้ และวางแผนรับมือจากการถูกกลืนชาติ มาเป็นการมีแผน มีนโยบายที่มีความต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนคนที่อพยพมาอยู่ใหม่ ให้กลายเป็นพลังในการสร้างชาติไทยต่อไป
อย่าลืมว่านอกจากคนจีนแล้ว เรายังมีฝรั่งทางภาคอีสานอีกไม่น้อยที่มามีครอบครัวและลงหลักปักอยู่ทางภาคอีสาน และเรายังมีนโยบายให้ผู้ที่มีความรู้ มีเงิน เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยกันมากขึ้น
ในอดีต ชาวจีนที่อพยพเข้ามาอยู่เมืองไทย ก็เป็นคนจีนที่ยากจน หนีร้อนมาพึ่งเย็น หนีความอดอยาก และความลำเค็ญขออากาศและภูมิประเทศในจีนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยสมัยต้นราชวงศ์จักรี มีความขยันหมั่นเพียร จนเป็นเจ้าสัวพ่อค้าใหญ่ นักอุตสาหกรรมข้าราชการผู้ใหญ่ จนกระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศก็หลายท่าน นับว่าเป็น “พลัง” ในการสร้างชาติไทยให้เจริญก้าวหน้ามาจนทุกวันนี้
และผู้คนที่อพยพเข้ามาอยู่ในดินแดนอันสมบูรณ์ที่เรียกว่าประเทศไทยนี้ ก็มิใช่มีแต่คนจีน ฝรั่งก็มี อิหร่าน ก็มี มอญก็มีมากมายหลายแสนคน เวียดนามก็มาก (สมัยสงครามกับฝรั่งเศส) ไทยใหญ่ก็มี บุคคลเหล่านี้ก็ล้วนแต่มาเป็น “พลังใหม่” ร่วมกับชาวไทยที่อยู่ในท้องถิ่นอยู่ก่อนแล้ว ร่วมกันสร้างสุวรรณภูมิของเราให้เป็นสวรรค์ ของคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากทั่วโลก
_________________________________
แต่ทุกอย่างมิใช่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือตามยถากรรม แต่เกิดขึ้นโดยพระราชวิเทโศบายอันชาญฉลาดของกษัตริย์ราชวงศ์จักรี ผู้คุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนั้นอย่างต่อเนื่อง (Continuity) และอย่างมีเสถียรภาพ (Stability) ในการวางนโยบายต่อผู้อพยพเข้าเมือง (Immigrant) และปฏิบัติตามนโยบายที่จะให้เกิดความกลมกลืน (Assimilation) กับคนไทยเจ้าของพื้นที่ มีการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย ให้เป็นที่ยอมรับและเห็นคุณค่าของผู้อพยพเข้าเมืองในขณะนั้น จนทุกคนกลายมาเป็น “คนไทย” อย่างภาคภูมิใจอยู่ในทุกวันนี้
_________________________________
เมื่อคำนึงถึงการขาดแคลนแรงงานของประเทศไทยซึ่งขณะนี้มีผู้สูงวัยอยู่ถึง 15% ของจำนวนประชากร และจะเพิ่มเป็น 20% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จนทำให้อนาคตเราจะไม่มีแรงงานพอ ที่จะสร้างผลผลิตของเกษตรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม การที่มีคนจีน เมียนมากะเหรี่ยง ไทใหญ่ ฝรั่งจากยุโรปและอเมริกา ทยอยกันอพยพมาอยู่ประเทศไทยมากขึ้น ก็จะเป็นผลดีในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานของชาติไทยในอนาคตอันใกล้ และในอนาคตอันไกล ได้เป็นอย่างมาก
ปัญหาอยู่ที่ว่า ใครจะเป็นผู้วางนโยบายปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายอย่างต่อเนื่องโดยมีประสิทธิภาพได้ในเมื่ออำนาจบริหารเราเอาไปฝากไว้กับนักธุรกิจการเมืองกันไว้หมดแล้ว
_________________________________
ด้วยการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ด้วยการเอาผู้แทนราษฎร มาใช้อำนาจนิติบัญญัติ แล้วรวมตัวเป็นพรรคการเมือง เพื่อเข้าไปใช้อำนาจบริหารด้วย
วิธีที่จะทำเช่นนั้นได้ ที่ผ่านมาก็ต้องมีการทุจริตคอร์รัปชั่น หาเงินไว้ซื้อเสียงเป็น สส. หาเงินไว้ซื้อ สส. เพื่อให้ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วก็ต้องทุจริตคอร์รัปชั่นหาเงินเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป
_________________________________
ใครจะมาสนใจเรื่อง การสิ้นชาติของชนชาติไทยใครจะมาสนใจเรื่องการวางนโยบาย “สร้างความกลมกลืน”เพื่อให้ชาวจีน ชาวพม่า ชาวเขมร ชาวกะเหรี่ยง กลายเป็นพลังใหม่ของชาติไทยต่อไป
ใครจะมาสนใจใช้พลังละมุน (Soft Power)มาทำให้ผู้อพยพที่เพิ่งเข้ามา กลายเป็นคนไทย 100% รักถิ่น ที่ทำมาหากิน จนเป็นถิ่นกำเนิด และแดนตายของตนในอนาคต
ขอฝากให้คนไทยทุกคนที่กำลังจะเลือกตั้ง ช่วยไปพิจารณาด้วยว่า เราจะฝากอนาคตของคนไทย ชาติไทย และประเทศไทย ไว้กับใครดี
_________________________________
ที่ต้องลุกออกมาเขียน แสดงความเห็นเช่นนี้ ก็เพราะเมื่อเช้านี้เอง (31 มีนาคม 2566) ได้จับหนังสือพิมพ์ธุรกิจที่น่าเชื่อถือได้ ฉบับที่ได้รับความนิยมอย่างสูงอยู่ในประเทศไทย อ่านบทความที่เขียนโดยนักวิชาการ ที่น่าเชื่อถือ ในหัวข้อว่า ขายบ้าน ขายเมือง ขายชาติให้ “จีน” ไปเลย ก็ต้องออกมาร่วมแสดงความคิดเห็นบ้าง
_________________________________
เมื่อจะรอพึ่งนักการเมืองไม่ได้ และเราก็ไปตัดอำนาจในการบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการออกจากระบบการปกครองของประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดอยู่กับพระมหากษัตริย์ไปแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2475 เรา (คนไทยทั้งปวง) ก็คงต้องพึ่งตนเองนั่นแหละ
_________________________________
และเราก็มีข้าราชการประจำ มาเป็นผู้ช่วยของนักการเมือง ผู้ใช้อำนาจบริหาร มีตุลาการ มาให้ความยุติธรรมในอำนาจตุลาการ
ข้าราชการของฝ่ายบริหาร และของฝ่ายตุลาการ จึงน่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของปวงชนชาวไทยในการที่จะรักษาความเป็นชาติไทย ไว้ไม่ให้ถูกกลืน ในการที่จะมีนโยบาย และแผนปฏิบัติโดยเคร่งครัด และต่อเนื่อง เพื่อให้นโยบายนั้น นำไปสู่การปรับเปลี่ยนผู้อพยพใหม่ ให้เป็น “พลังใหม่” ในการสร้างชาติไทยต่อไป
_________________________________
เรามีข้าราชการประจำอยู่ในสภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผบ.สูงสุด ผบ.ทบ., ผบ.ทร., ผบ.ตำรวจ และนักการเงินการคลังใน สศช. จึงหวังว่า
ท่านคงจะได้ตระหนัก รีบทำนโยบายและแผนปฏิบัติเสียโดยด่วน เพื่อมิให้ชาติไทยถูกกลืนชาติ แต่จะได้พลังใหม่มาช่วยสร้างชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมากกว่าเดิม เป็นการถาวรต่อไป
ศรีภูมิ ศุขเนตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี