วันที่ 9 พ.ค.66 นายวิโรจน์ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ประกอบการร้านอาหารเขาใหญ่-ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2565 ได้เดินทางไปทอดผ้าป่าทำบุญกับอดีตท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาและได้ทำอาหารไปเลี้ยงพระภายในวัดป่าธรรมคีรี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 10 รูปซึ่งตนได้พบกับอดีตพระอาจารย์คม โดยมีบุคลิกน่าเลื่อมใสมาก ซึ่งอดีตพระอาจารย์คมได้สอนธรรมะและสอนให้ญาติโยมทำความดี จึงทำให้ตนมีแนวคิดอยากจะบวชในบั้นปลายชีวิต จึงได้ไปพูดกับลูกศิษย์ภายในวัดก่อนที่ลูกศิษย์จะไปบอกอดีตพระอาจารย์คม ซึ่งทางอดีตพระอาจารย์คมได้แจ้งกลับมาว่า ตนอายุมากแล้ว หากบวชไปจะเป็นภาระให้กับวัดเปล่าๆ ซึ่งตนได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกตกใจกับคำพูด พอเห็นข่าวที่ออกมาวันนี้มีการยักยอกเงินวัดจำนวนมาก ก็รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่นับถือไป ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้

"ที่ผ่านมาได้มีญาติโยมมาเหมาก๋วยเตี๋ยวไปทำโรงทานภายในวัด ซึ่งมีการจัดงานฉลองเจดีย์ โดยบรรยากาศในวัดดูสง่างาม พื้นที่กว้างและมีความสงบน่าเลื่อมใส ในระหว่างที่ทำโรงทานก็พบเห็นอดีตพระอาจารย์คม เดินพบปะชาวบ้านที่ไปออกโรงทาน ซึ่งมีประชาชนมืดฟ้ามัวดินมากันเป็นจำนวนมาก หลังจากทราบว่ามีการยักยอกเงินวัดก็ตกใจเป็นอย่างมากไม่คิดว่าจะเป็นอดีตพระอาจารย์คม จึงอยากให้ทางเจ้าที่ติดตามจับกุมกระบวนการนี้มาลงโทษให้หมด เพราะทำให้วงการพระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย และตามเงินของวัดกลับคืนมา"

ด้านพระชนะชัย ฐิตะญาโณ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอปากช่อง คณะกรรมการวัดป่าธรรมคีรี ชุดใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวอดีตพระอาจารย์คม พร้อมพวกยักยอกเงินรวมแล้วเกือบ 300 ล้านบาท ทางคณะสงฆ์ได้มีการตั้งคณะกรรมการวัดจำนวน 13 ท่านเพื่อที่จะเข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด รวมไปถึงบัญชีรายรับรายจ่ายว่ามีการใช้เงินออกนอกระบบหรือไม่ ซึ่งจะต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ทั้งหมด และไวยาวัจกร นักกฎหมายของวัด ในเงินสดรวมไปถึงทองคำแท่งและทองรูปพรรณ จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เข้ามาตรวจค้นภายวัด พบทรัพย์สินซุกซ่อนภายในวัดหลายแห่งจะต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะสามารถสรุปคดีได้ - 003