ประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์อภิบาลด้วยพืชสมุนไพรแห่งริเวอร์แคว และประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก เคลื่อนไหวแนะ 'ก้าวไกล' หยิบกฎหมายกัญชา 90 มาตราที่ค้างในสภาขึ้นมาพิจารณาใหม่ หวั่นนำกัญชาถอยหลังลงคลอง
วันนี้ (27 พ.ค.66) นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์อภิบาลด้วยพืชสมุนไพรแห่งริเวอร์แคว และประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก เปิดเผยว่า กรณีพรรคก้าวไกลมีนโยบายออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้กัญชากลับไปอยู่ในบัญชีรายชื่อยาเสพติดนั้น ก่อนอื่นขอเรียนว่า เราเป็นเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับใบอนุญาตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯของเราเป็นรายแรกที่ปลูกกัญชาในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนของเราได้รับผลกระทบหรือไม่นั้นก็ต้องยอมรับว่า ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่จะได้รับผลกระทบมากหรือน้อยต้องแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกก็คือกลุ่มสันทนาการ และกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่นำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม เมื่อพรรคก้าวไกลมีนโยบายนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะว่าการผลิตยารักษาโรค การใช้การนำไปใช้ทุกอย่างต้องได้รับอนุญาตมากขึ้น ทุกวันนี้กัญชาทางการแพทย์ถือว่าได้ถูกปลดล็อคไปในระดับหนึ่งแล้ว การนำกัญชาไปรักษาโรคตามตำหรับโบราณก็ได้รับอนุญาตได้รับการผ่อนปรนได้รับการยกเว้นเช่นสูตรกัญชาของอาจารย์เดชา ศิริภัทร ก็ไปได้ไกล ส่วนที่เหลือเป็นเพียงแค่การต่อยอด
แต่ถ้านำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ตนเรียนว่าน่าจะมีการควบคุมหรือนำกฎหมายออกมาควบคุมมากกว่านี้ ส่วนเรื่องที่สังคมกังวลใจก็คือเรื่องการนำกัญชามาใช้เพื่อการสันทนาการ รัฐบาลพรรคก้าวไกลก็ควรจะให้สิทธิ์และคุ้มครองกลุ่มเหล่านี้ด้วย เพราะกลุ่มการสันทนาการหรือกลุ่มผู้ใช้กัญชาเมื่อนำไปเทียบกับกลุ่มผู้ดื่มสุราและกลุ่มผู้สูบบุหรี่ก็ต้องให้สิทธิเช่นกัน โดยอาจจะมีการกำหนดลิมิตกลุ่มที่ใช้กัญชาสำหรับการสันทนาการเหมือนต่างประเทศที่เขากำหนดเอาไว้ว่าคนหนึ่งสามารถใช้กัญชาในการสันทนาการได้ไม่เกินกี่กรัม นี่คือการแก้ปัญหาเรื่องความกังวลของสังคม
แต่เมื่อมาพูดถึงเรื่องการนำกัญชามาใช้สำหรับทางการแพทย์แล้ว มีความจำเป็นมากเพราะในเมื่อพรรคก้าวไกลมีนโยบายออกกฎหมายนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด มันก็จะย้อนกลับไปในบริบทเมื่อสามปีที่ผ่านมา ที่ก่อนที่จะมีการปลดล็อคกัญชาทางการแพทย์ จริงๆแล้วการปลอดล็อค ไม่ใช่ปลดล็อคให้กัญชาเป็นสูญญากาศ ไม่ใช่ปลดล็อคให้กัญชานำไปใช้สำหรับสันทนาการอย่างเสรี เมื่อปลดล็อคแล้วก็ต้องมีการควบคุม แต่ท้ายที่สุดเมื่อมีการปลดล็อคและมีการควบคุม แต่กฎหมายยังค้างคาอยู่ที่สภาฯ 90 มาตราที่คณะกรรมการพิจารณาเรื่องกัญชายังคงต้องเดินหน้าต่อไป
"เรื่องนี้ผมมองว่าถ้าจะมีการนำกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมนั้น ผมคิดว่าน่าจะนำกฎหมายที่คณะกรรมการหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้นำเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาดันกฎหมายออกมาเพื่อควบคุม เพราะในกฎหมายได้มีการพิจารณากันอย่างรอบคอบและชัดเจนแล้ว เรื่องนี้ผมจึงมองว่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ดีกว่าที่จะนำกัญชามาเป็นเครื่องขัดแย้งทางสังคม อย่าเอาการเมืองมาเป็นเรื่องของกัญชา หรือเอากัญชาไปเป็นเครื่องมือของความขัดแย้ง ซึ่งมันไม่ถูกวัตถุประสงค์เพราะผลที่กระทบมันไม่ใช่แค่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯของพวกผมเท่านั้น"
"ผมมีวิสาหกิจชุมชนผมมีเกษตรกรที่ตั้งหน้าตั้งใจต่อยอด ซึ่งคนทั่วโลกเขาดีใจที่ประเทศไทยปลดล็อคกัญชาทางการแพทย์ ได้ปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดเพื่อให้การดำเนินการอะไรบางอย่างเกี่ยวกับข้อกฎหมายได้ถูกยกเว้นถูกผ่อนปรนหรือถูกดำเนินการให้มันเป็นไปตามขั้นตอนที่มันพึงกระทำได้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมียารักษาโรคที่ทำขึ้นมาจากกัญชา แต่ถ้ามีการนำกัญชาย้อนกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าจะต้องมีข้อกฎหมายมีข้อบ่งชี้มีข้อห้ามข้อควบคุมมากขึ้น ดังนั้น ขอเรียนไปถึงก้าวไกลว่าปัจจุบันเรื่องกัญชามันเดินหน้าไปไกลมากแล้ว มันเดินหน้าไปไกลกว่าที่จะย้อนกลับมานับหนึ่งใหม่มาก เพราะว่าปัจจุบันมันนับมาถึงห้าแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ท่านกลับไปพิจารณาในเรื่องของข้อกฎหมายที่ทุกคนได้เสนอญัตติเอาไว้ที่สภา แล้วนำเรื่องเหล่านี้มาควบคุมใน 45 มาตรา 90 มาตรา อันนี้น่าจะดีกว่าที่จะมาพูดว่าจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด"
นายวิศารท์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวแล้วตนไม่คิดและไม่สนใจเลยว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ไม่ได้สนใจว่ากัญชาจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองไหน แต่ตนมองว่าใครก็ตามที่ทำให้กัญชาเข้าสู่ประชาชนได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดเราก็จะสนับสนุนพรรคการเมืองทุกพรรคและทุกรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะหากพรรคการเมืองหรือรัฐบาลทุกรัฐบาลที่นำกัญชาเข้าสู่ระบบการักษาโรคให้ถูกต้องและทำให้เกษตรกรของเราลืมตาอ้าปากได้และทำให้มันตรงเป้าตรงจุด โดยที่ไม่นำกัญชามาเป็นเรื่องขัดแย้งทางการเมืองเราก็จะสนับสนุน แต่ถ้าตราบใดที่ยังเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้อยู่เราก็ต้องมาทบทวนท่าทีและทบทวนในบริบทของการเมืองว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้พวกเราอยู่กันได้ด้วยการปราศจากข้อขัดแย้ง
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาต่อต้านกัญชาอย่างหนักอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น เรื่องนี้ตนไม่แน่ใจว่านายชูวิทย์ มีนัยยะหรือเป้าหมายอะไรในเรื่องของการต่อต้านกัญชา ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านกัญชาเสรีหรือกัญชาอะไรก็ตาม เพราะเราเองทำกัญชาเพื่อการแพทย์ เราส่งเสริมและสนับสนุนกัญชาเพื่อการวิจัยทำกัญชาเพื่อยารักษาโรค ซึ่งวิสาหกิจชุมชนศูนย์อภิบาลด้วยพืชสมุนไพรแห่งริเวอร์แคว และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก ของเราได้รับอนุญาตถูกต้องอยู่แล้ว โดยเราได้รับอนุญาตถูกต้องตั้งแต่สมัยกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 และต่อมาได้มีการปลดล็อคกัญชาทางการแพทย์ หรือปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เราก็ยังคงปฏิบัติตัวในการเข้าการออกการควบคุมเหมือนเดิม ดังนั้น เงื่อนไขมาตรการที่รัฐจะออกมาตรการมาควบคุมเพิ่มเติมเราจึงไม่มีความกังวลอะไร เรายินดีที่จะปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว เพราะเราต้องการทำกัญชาให้เป็นกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมายให้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์
แต่เราแค่อยากจะฝากเอาไว้ว่าถ้าหากถอยหลังเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก กระบวนการการผลิตยา กระบวนการที่จะต้องทำกัญชาเป็นยารักษาโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายหรือกฎกระทรวงที่ออกมาแล้วจะต้องมีการนำมาแก้ไขกันใหม่แล้วเราจะเดินหน้ากันไปแบบติดๆขัดๆกันหรือ ปัจจุบันนี้กัญชาทางการแพทย์ได้ปลดล็อคไปแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและน่ายินดีสำหรับพี่น้องชาวไทยที่จะได้มียารักษาโรคในกลุ่มแพทย์ทางเลือกที่สามารถเข้าถึงในราคาที่ย่อมเยาและไม่มีสารเคมี
ดังนั้น นโยบายการปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชีรายการยาเสพติดนั้นก็ต้องปลดแบบมีเงื่อนไข ปลดแบบอนุโลมให้กับกลุ่มทางการแพทย์จริงๆ และเมื่อมีการปลดกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติดซึ่งมันจะกระทบต่อการดำเนินการเรื่องของการศึกษาวิจัยการผลิตยาเพื่อนำไปรักษาโรค เรื่องนี้ผมมองว่ามันจะเป็นการถอยหลังลงคลอง และท้ายที่สุดแล้วเราก็จะไปไม่ถึงกลุ่มของยุโรปหรือกลุ่มของอเมริกาที่เขาพัฒนาไปไกลมากแล้ว
จึงอยากจะฝากไปถึงพรรคก้าวไกลและรัฐบาลที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นในเร็วๆนี้ว่า การคิดการทำก็ขอให้มองแง่ที่ดีอีกด้านหนึ่งของกัญชา ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯของพวกเราด้วย ไม่ใช่ไปคิดแค่ว่าจะเอาเฉพาะทางด้านการเมืองที่นำเอากัญชามาเป็นเรื่องความขัดแย้งเท่านั้น เพราะกลุ่มที่เสียผลประโยชน์โดยตรงคือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่รัฐบาลเก่าจัดตั้งขึ้นมาก็จะเสียโอกาสและเสียรายได้ และสิ่งที่วิสาหกิจชุมชนของเราลงทุนมาก็จะกลายเป็นศูนย์หมดเลย
ที่สำคัญพี่น้องประชาชนก็จะไม่ได้ใช้ยารักษาโรคที่ทำจากกัญชาที่มีราคาถูก ทั้งๆที่กัญชามีคุณประโยชน์อันมีค่าเป็นอนันต์ในด้านการรักษาทางการแพทย์ แต่ที่สำคัญเวลานี้อยากจะวิงวอนให้รัฐบาลช่วยปราบปรามเรื่องช่อดอกกัญชาที่มีการลักลอบนำเข้าเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกษตรกรของเราในทุกวันนี้ไม่สามารถจะซื้อขายอะไรได้เลยเพราะว่าปัจจุบันนี้ดอกกัญชาแห้งที่ลักลอบนำเข้ามาอยู่ในประเทศไทยมีไม่ต่ำกว่า 4-5 ตัน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี