ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับ 4 หน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จัดกิจกรรม “ขอบคุณที่ทิ้งกัน”ภายใต้โครงการรณรงค์ลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก “คุณทำได้ เลิกใช้พลาสติก” ส่งต่อขยะพลาสติกจำนวน 4,386.31 กิโลกรัม เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 582.23 ต้น มอบให้องค์กรจัดการขยะพลาสติก นำไปสร้างมูลค่าใหม่ด้วยการ Upcycling เป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย และนำส่วนที่แปรรูปไม่ได้ไปเป็นพลังงานของโรงไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนช่วยลดมลภาวะและลดปริมาณขยะให้กับประเทศไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) ของรัฐบาล และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่รับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม และสนองนโยบายรัฐบาลในการจัดการขยะพลาสติกที่จะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
ปัญหาขยะพลาสติกยังคงเป็นปัญหาที่คุกคามสิ่งแวดล้อมโลกมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะพลาสติกประเภทที่ใช้ครั้งเดียวหรือ Single Use ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในฐานะสถาบันการศึกษาและสถาบันการแพทย์ที่ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้เนื่องจากส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน จึงริเริ่มกิจกรรม “ขอบคุณที่ทิ้งกัน” ภายใต้โครงการรณรงค์ลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก “คุณทำได้ เลิกใช้พลาสติก” โดยมีจุดมุ่งหมายในการปลูกจิตสำนึก รณรงค์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนในองค์กร ให้ลดการใช้พลาสติกและสามารถแยกประเภทของขยะพลาสติกก่อนส่งต่อไปยังองค์กรจัดการขยะพลาสติกได้อย่างถูกต้องมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 4 แห่ง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด และสถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 เดือนของการจัดบูธกิจกรรม จำนวน 58 ครั้ง มีผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน นำขยะพลาสติกจำนวน 4386.31 กิโลกรัมมาทิ้งกับกิจกรรม
ขยะพลาสติกเหล่านี้ถูกส่งต่อไปยังองค์กรปลายทาง เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งการแปรรูปขยะพลาสติกให้มีมูลค่าใหม่ โดยองค์กร 3 แห่ง ได้แก่ โพธิ์สิกขา ศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมของวัดจากแดง, Zero Waste YOLO, และ Precious Plastic Bangkok และนำไปเป็นพลังงานให้กับโรงไฟฟ้า คือ N15 เทคโนโลยี โดยทาง Zero Waste YOLO นำขยะพลาสติกมาแปรรูปเป็นสินค้า ได้แก่ พลาสติกประเภท PET, HDPE, LDPE, PP, PS และพลาสติกทั่วไปที่มีเลข 7 บนสัญลักษณ์รีไซเคิล รวมถึงขยะพลาสติกที่ไม่มีสัญลักษณ์ใดเลย ซึ่งสินค้าที่จัดทำ ได้แก่ ที่รองแก้ว กระถางต้นไม้ และต่อยอดไปยังสินค้ามูลค่าสูงประเภทแฟชั่น ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องประดับร่วมกับแบรนด์ไทย“ภิพัชรา” ที่วางจำหน่ายในศูนย์การค้าชั้นนำและเคยนำไปแสดงในงานปารีสแฟชั่นวีคมาแล้ว
โดย คุณเกศทิพย์ หาญณรงค์ ผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาทางโครงการส่งต่อขยะพลาสติกมาให้หลายร้อยกิโลกรัมแล้ว ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วขยายออกไปยังชุมชนได้ ก็จะส่งผลต่อสังคมได้
ด้าน พระราชวัชรบัณฑิต (ประนอม ธัมมาลังกาโร)เจ้าอาวาสวัดจากแดง ซึ่งดูแลศูนย์การเรียนรู้สิ่งแวดล้อมโพธิ์สิกขา มองว่า การแยกขยะไม่ได้แค่ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น แต่ยังส่งผลถึงสุขภาพโดยรวม กิจกรรมนี้ไม่ได้แค่สอนให้คนรู้จักการคัดแยกขยะ แต่กำลังสอนให้คนรู้จักการนำเอาขยะมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ มองขยะเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหรือสิ่งของต่างๆ ขึ้นมาใหม่ เปลี่ยนของไร้ค่าให้มีคุณค่าขึ้นมา
จากกิจกรรมเล็กๆ เริ่มต้นจากความร่วมมือกันภายในราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ “ขอบคุณที่ทิ้งกัน” ขยายออกสู่ภายนอกโดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรทั้ง 4 หน่วยงานในพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ผลลัพธ์จากกิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่การลดปริมาณขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งร่วมกับขยะทั่วไปตามบ้าน แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกและปลูกฝังนิสัยของการแยกขยะให้ถูกต้องตามประเภท ช่วยลดการเผาหรือการฝังกลบจึงช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ และส่งผลให้ลด Carbon Footprint เท่ากับเราปลูกต้นไม้ไปแล้วประมาณ 582.23 ต้น นอกจากนั้นยังเป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) ของรัฐบาล ซึ่งพัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกัน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ส่งผลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี