ลูกกะแลแม' ผลไม้ชื่อแปลกที่หากินยากและใกล้สูญพันธุ์ ช่วงนี้กำลังสุกเต็มต้น พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชิม แต่บอกเลยว่ายังไม่มีต้นพันธุ์ขาย รสชาติคล้ายลองกองผสมลางสาด เนื้อเหนียว หวาน หอม นุ่มลิ้น กินเพลิน

29 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สวนกะแลแม หมู่ที่ 1 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง นางสายหยุด จันทร์สว่าง อายุ 60 ปีเจ้าของสวน  ได้ปลูกพันธุ์ไม้แปลกตาหายากอยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ต้นกะแลแม ลักษณะเหมือนต้นลองกองกับต้นลางสาด ช่อผลสีเหลืองดกเป็นพวง ห้อยย้อยลงมาตั้งแต่กลางลำต้นถึงปลายกิ่ง ส่วนเนื้อให้รสชาติสัมผัสเหมือนกินลองกองผสมกับลางสาด รสชาติหวานนำ เนื้อเหนียว หอม นุ่มละมุนลิ้น เป็นหนึ่งในตระกูลลองกองที่มีมาแต่โบราณ

ปัจจุบันไม่ค่อยมีคนนิยมปลูก เนื่องจากลูกเล็กกว่าลองกอง และไม่มีคนรู้จัก ทำให้ขายไม่ได้ราคา ซึ่งต้องใช้เวลาปลูกหลายปีกว่าจะติดลูกดก จึงทำให้ผลไม้โบราณชนิดนี้ใกล้สูญพันธุ์เต็มที

แต่ที่สวนแห่งนี้ได้นำต้นพันธุ์มาจากนราธิวาส เมื่อปี 2533 จำนวน 3 ต้น เพราะเจ้าของเป็นคนชอบสะสมไม้โบราณหรือไม้ป่าหายาก และให้สีสันสวยงามแปลกตา โดยเป็นสวนผสมผสานเพียงแห่งเดียวในตรัง ที่มีลูกกะแลแมให้รับประทานทั้งในและนอกฤดูกาล ซึ่งเกษตรกรเผยเคล็ดลับใช้ปุ๋ยคอกผสมกับดินภูเขาไฟ ทำให้ต้นกะแลแมมีลูกดกหลายปีติดต่อกัน เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

เจ้าของสวนเปิดให้ชิมฟรีทุกวัน แต่ยังไม่มีต้นพันธุ์จำหน่าย เนื่องจากไม้ชนิดนี้ไม่มีเมล็ด ต้องใช้การเสียบยอดเท่านั้น ทำให้นักท่องเที่ยวแห่จองต้นกล้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปปลูกเป็นไม้ประดับ ตกแต่งสวน เพื่อร่วมอนุรักษ์ให้ลูกหลานได้รู้จักต้นกะแลแม และส่วนหนึ่งไว้บริโภคในครัวเรือน

นักท่องเที่ยวที่ได้มาชมและชิมลูกกะแลแม ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยได้ยินชื่อผลไม้ชนิดนี้ที่ไหนมาก่อน ส่วนรสชาติหอมหวาน อร่อย ชื่นใจ กินแล้วติดใจ

ด้านนางสายหยุด จันทร์สว่าง เจ้าของสวนกะแลแม กล่าวว่า ตนนำไม้ชนิดนี้มาปลูกครั้งแรกเมื่อปี 2533 จำนวน 3 ต้น เพราะชอบในความเป็นไม้โบราณประจำถิ่น ซึ่งคิดว่าจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ วันนี้ออกผลมาแล้วปรากฎว่ารสชาติใกล้เคียงกับลองกอง แต่มีความเหนียวกว่า หวานและหอมใกล้เคียงกัน แต่เหนียวกว่าลางสาดเยอะ ถ้าทานสดจากต้นจะอร่อยมาก แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขยายพันธุ์เพราะไม่มีเมล็ด ต้องใช้วิธีเสียบยอด กะว่าปีหน้าจะลองเสียบยอดดู

โดยออกผลคล้ายลองกอง คือหน้าแล้งจะออกดอกและมาสุกในช่วงเดือนมิถุนายน หรือหลังจากนี้ประมาณ 1-2 เดือน แต่ที่นี่ต้นไม้ทุกชนิดบำรุงด้วยสารอินทรีย์เป็นหลัก เช่น ดินภูเขาไฟ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นไม้ทุกชนิดออกลูกเร็วกว่ากำหนด และผลผลิตก็ดกด้วย.012