บอกก่อนว่าสถานที่ที่เรา “ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์” จะพาไปนั้น เป็นสถานที่ลึกลับ เหมาะสำหรับสายมูที่ต้องการกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ “วัดสักน้อย (ร้าง)” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร และประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 188 ตอนพิเศษ 127ง วันที่ 21 ธันวาคม 2544 เรื่อง การกำหนดจำนวนโบราณวัตถุสถานสำหรับชาติ (โบราณสถานวัดสักน้อย (ร้าง))

“วัดสักน้อย (ร้าง)” เป็นวัดร้างที่ยังไม่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และเสริมความมั่นคง สภาพภายนอกค่อนข้างทรุดโทรม มีต้นไม้และวัชพืชขึ้นปกคลุมหนาแน่น บางส่วนมีรากไม้ชอนไชไปในผนัง ซึ่งส่งผลเสียต่อตัวอาคารทำให้มีรอยร้าวทั้งภายในโบสถ์และนอกโบสถ์ ทำให้เมื่อเข้าไปบริเวณพื้นที่วัดสักน้อยจะรู้สึกถึงความมีเสน่ห์ที่ดูลึกลับเหมือนต้องมนต์ขลัง สะกดจิตให้หลงใหล ภาพต้นไม้ใบเขียวที่ปกคลุมโบสถ์เก่าแก่แห่งนี้ทำให้ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

เมื่อเข้าไปภายในโบสถ์จะเห็นพระประธานโดดเด่นสง่า แต่เมื่อเข้าไปกราบไหว้และดูใกล้ๆจะเห็นถึงความเก่าแก่ ซึ่งทีมข่าวฯ ได้สอบถามชาวบ้าน “พี่นก” อายุ 44 ปี หลานสาวของ “ป้าแดง” อายุ 67 ปี ชาวบ้านที่เช่าที่ดินของวัดสักน้อย โดยในปัจจุบันเป็นที่ดินของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งได้ปลูกบ้านและทำกิน (ทำสวน) อยู่มานานหลายชั่วอายุคน เล่าให้ฟังว่า "ชาวบ้านในละแวกนี้ให้ความเคารพและศรัทธาบูชาพระประธานที่อยู่ในโบสถ์เป็นอย่างมาก มีการรวบรวมเงินจากผู้มีจิตศรัทธาทำนุบำรุงโบสถ์ และจะมีการทำบุญใหญ่ทุกวันที่ 14 เมษายน ของทุกปี"

“เรื่องเล่าเมื่อก่อนชาวบ้านรุ่นเก่าๆเล่าว่า องค์พระประธานที่อยู่ในโบสถ์นั้น ก่อนเคยเศียรหักและนั่งอุ้มเศียรไว้ในตัก คนผ่านไปมาช่วงกลางคืนเข้ามาก็จะดูน่ากลัว แต่คนในพื้นที่รู้ว่าเป็นองค์ประพระธานที่เสื่อมโทรมตามกาลเวลา ก็ได้รวบรวบกำลังแรงช่วยกันบูรณะ และเมื่อสมัยก่อนเศียรของท่านไม่ยอดก็ได้ปั่นขึ้นมาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน อายุขององค์พระประธานอายุกว่า 200 ปี หรือมากกว่านั้น โดยภายในโบสถ์มีต้นตะเคียนยืนต้นไปยังหลังคาโบสถ์ทำให้คนที่มาได้มากราบไว้ขอโชคลาภ และกลับมาแก้บนกันเรื่อยๆ นอกจากยังมีพระปรางค์ด้านหลังโบสถ์ด้วยแต่ได้ผุพังไปตามกาลเวลา”

                                          ปี 2532                                                                                   ปี2542

พี่นก เล่าให้ฟังอีกว่า บริเวณด้านหลังของโบสถ์มีคนใส่ชุดไทยมาขอถ่ายรูป แต่ตอนนี้ปัญหาคือบริเวณวัดไม่มีที่จอดรถ ถ้าหากจะเข้ามาอยากให้ไปจอดรถที่วัดสักใหญ่แล้วเดินเข้ามาจะสะดวกกว่า และได้สัมผัสกับธรรมชาติขณะเดินเข้ามาที่วัดสักน้อย เพราะบริเวณโดยรอบเป็นสวนของชาวบ้าน อย่างไรก็ตามจะมีช่วงหน้าฝนที่น้ำจะท่วมบริเวณข้างๆโบสถ์ แต่จะเป็นอันซีนอีกแบบหนึ่งหากใครจะมาช่วงหน้าฝน  

หากผู้ใดสนใจเข้ามากราบไหว้พสามารถเข้าเยี่ยมโบราณสถานได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-17.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม หากมาจากวงเวียนตลาด อ.บางกรวย ถนนเทอดพระเกียรติ ให้ใช้ถนนบางกรวย-จงถนอม (ทางหลวงหมายเลข 3014) ประมาณ 1.1 กิโลเมตร จะพบซอยตาแหวนทางขวามือ เลี้ยวขวาเข้าซอยไปประมาณ 350 เมตร พบสี่แยกให้เลี้ยวซ้าย ตรงไปตามถนน ประมาณ 150 เมตร จะพบวัดสักน้อยและป้ายวัดสักน้อย

ทั้งนี้ ยังสามารถเข้าได้จากซอยโปร่งจิต และซอยที่ติดกับซอยโปร่งจิต แต่เนื่องจากเป็นซอยขนาดเล็ก รถยนต์เข้าได้ลำบาก หากมาจากถนนราชพฤกษ์ สามารถใช้ถนนบ้านคลองวัดสัก-บ้านวัดโคนอน ต่อเนื่องมายังถนนบางกรวย-จงถนอมได้ เมื่อเข้ามาก็จะเห็นต้นไม้เล็กสูงใหญ่เขียวขจี ดูสวยงามมากๆ

บอกเลยว่าใครที่เป็นสายมูไม่ควรพลาดที่จะไปขอพรเรื่องการงาน สุขภาพ และโชคลาภ เพราะช่วงวันเสาร์ อาทิตย์นั้น มีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก หากใครอยากได้มุมสงบเงียบๆ แนะนำให้มาช่วงเช้า เพราะจะได้บรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะสำหรับการมาขอพรทำจิตใจให้สงบ.-008