หลังจากที่รัฐบาลได้มีการปลดล็อกกัญชาออกจากสารเสพติดประเภทที่ 5 แล้ว ส่งผลให้ธุรกิจหลายภาคส่วน รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกกัญชาตื่นตัวกันมาก โดยคาดการณ์ว่ากัญชามีแนวโน้มที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างเม็ดเงินได้มหาศาลทีเดียว
ส่งผลให้หลายคนหันมาปลูกกัญชากันมากขึ้น แต่ปัญหาที่มือใหม่หลาย ๆ คนต้องเผชิญคือ การขาดความรู้ที่เพียงพอในการเพาะปลูก, การเพิ่มผลผลิต และควบคุมคุณภาพ ในขณะที่เกษตรกรผู้มีประสบการณ์แล้วก็ต้องเผชิญกับการหาตลาดซื้อ-ขายกัญชา และไม่มีเครือข่ายที่จะให้คำปรึกษา สุดท้ายต้องปล่อยให้กัญชาเน่าเสียหาย สูญเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีกลุ่มนักปลูกมือใหม่ที่เข้าถึงข้อมูลการศึกษาค้นคว้าใส่ใจถึงปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและร่วมแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน จึงจัดกิจกรรมการแข่งขัน Prempavee 1st GANJA CUP ขึ้น เป็นกิจกรรมที่น่าจับตามองและไม่เหมือนใคร เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
จุดเริ่มต้นในการปลูกกัญชา
คุณ Lorenzo ชาวอิตาลี ที่มาเที่ยวประเทศไทยในปี 2019 และได้มารู้จักกับคุณ Prempavee ที่มีพื้นเพจากจังหวัดนครพนม และในช่วงที่เกิดโรคโควิดระบาด ทั้งคู่ก็ได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เกาะพยามจังหวัดระนอง แต่เมื่อคุณพ่อของคุณ Prempavee เสียชีวิต และทั้งสองได้กลับมาดำเนินการจัดการงานศพที่จังหวัดนครพนม ซึ่งที่บ้านเกิดนี้ทางครอบครัวคุณ Prempavee มีที่ดินทำกินที่ได้ปลูกผักเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ด้วยความที่คุณ Prempavee เป็นคนขยัน แต่ก็ยังไม่ตกผลึกว่าจะทำอะไรต่อไป จึงเป็นช่วงที่กำลังตัดสินใจว่าจะกลับไปที่เกาะพยามดีหรือไม่
ระหว่างนั้นเอง ทางรัฐบาลได้มีการประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 และเกษตรกรสามารถที่จะปลูกกัญชาได้อย่างถูกกฏหมาย ทั้งคู่จึงชวนกันหันมาลองปลูกกัญชาออร์แกนิก ในที่ดินที่มีอยู่ แต่เส้นทางความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด เพราะทั้งคู่ไม่มีความรู้ และขาดประสบการณ์ในการปลูกกัญชามาก่อน
จากความไม่รู้สู่ความสำเร็จ
ด้วยความที่คุณ Lorenzo และคุณ Prempavee ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกกัญชามาก่อน ทั้งคู่จึงพยายามศึกษาหาความรู้อย่างหนัก เริ่มจากการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แต่ด้วยความที่การเพาะปลูกกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในไทยนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ใหม่มาก ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจึงมีน้อย
ทั้งคู่ตัดสินใจเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ สายพันธุ์ที่ได้นำมาทดลองปลูกในช่วงแรกมีมากกว่า 10 สายพันธุ์ เน้นการปลูกกัญชาแบบ Outdoor และเป็นฟาร์มออร์แกนิก ทดลองปลูกแบบทุกวันและทุกอาทิตย์ เพื่อสังเกตการเจริญเติบโตของต้นกัญชา แต่ด้วยความที่ไม่มีความรู้ ทำให้ต้องเผชิญกับผลผลิตที่เกือบเป็นศูนย์ อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนอย่างพายุ และแมลงศัตรูพืช
“เริ่มแรกที่เราเริ่มปลูก จะมีอยู่ประมาณ 30-40 ต้น รอดมาอยู่ 2 ต้น โดนพายุบ้าง ปลวกกินบ้างบางต้นสูงประมาณ 1 เมตร แล้วแต่เห็นใบเฉา พอดึงขึ้นมาดู รากโดนปลวกกินหมดเลย ยังมีสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย เราเจอมาเกือบทุกอย่าง ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ เราไม่ควรปลูกในพื้นที่ตรงนี้ ดินตรงนี้ไม่เหมาะสม” คุณ Prempavee กล่าว
จากวันนั้นจนวันนี้ ด้วยระยะเวลากว่า 1 ปี ทั้งคู่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการเพาะปลูกกัญชามากขึ้น ได้ผลผลิตกัญชามากขึ้น แต่ก็ยังพูดอย่างถ่อมตนว่ายังมีความรู้ไม่เพียงพอที่จะสอนคนอื่นเกี่ยวกับวิธีการเพาะปลูกกัญชาที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน ในขณะเดียวกันก็มีความต้องการที่อยากจะช่วยเหลือผู้เพาะปลูกรายอื่น ๆ ที่ยังประสบปัญหาที่เค้าเคยประสบมาก่อน ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีตลาดกัญชารองรับในอนาคต
แรงบันดาลใจในการจัดการแข่งขัน 1st GANJA CUP
ผลผลิตของกัญชาที่ได้มีทั้งช้าและเร็วต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่สิ่งที่ผู้เพาะปลูกได้ลงทุนไปก่อนแล้วคือ เม็ดเงินและแรงกาย คุณ Lorenzo พบว่า เพื่อนบ้านของคุณ Prempavee ได้ผลผลิตกัญชาออกมาแล้ว แต่ไม่มีตลาดรองรับ สุดท้ายต้องปล่อยให้เน่าไป
“ผมสงสารเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาก เขาทำงานกันอย่างหนัก พอเก็บเกี่ยวมาก็ไม่รู้ว่าจะไปขายที่ไหน ผมเองจะไปสอนพวกเขา ผมก็อยากจะมั่นใจให้มากกว่านี้ก่อนว่าวิธีของผมนั้นถูกต้อง ผมต้องการช่วยเหลือผู้เพาะปลูกกัญชาในท้องถิ่น อยากให้พวกเขาได้มีโอกาสในการเรียนรู้ที่ถูกต้อง ที่สำคัญ ผมพูดได้เลยว่า 90% ของผู้เพาะปลูกของเรามีความรู้ความเชี่ยวชาญ แต่ไม่รู้วิธีการนำเสนอเพื่อการขาย” คุณ Lorenzo กล่าว
วัตถุประสงค์ในการแข่งขัน 1st GANJA CUP
ความตั้งใจหลักในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากความต้องการของทั้งคุณ Lorenzo และคุณ Prempavee ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือผู้เพาะปลูกกัญชาให้มีความรู้มากขึ้น เพื่อใช้ในการเพิ่มผลผลิตและเพิ่มคุณภาพให้กับดอกกัญชา รวมถึงการหาตลาดซื้อ-ขายได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ยังต้องการสร้างเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนความรู้ที่ยั่งยืนและมั่นคงระหว่างผู้เพาะปลูกกับผู้เพาะปลูกเอง และผู้เพาะปลูกกับผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการต่อยอดตลาดกัญชาให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ที่มาแนวความคิดในการใช้ “เสือ” เป็นสื่อการแข่งขัน
“กัญชาเป็นที่รู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลก จวบจนวันที่มีประกาศให้กัญชาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทำให้มุมมองของคนไทยบางส่วนมองว่ากัญชาเป็นสิ่งเสพติด แต่ต่างชาติมองว่าเป็นยารักษาโรค ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าเรารู้จักใช้กัญชาอย่างมีความรับผิดชอบ มันจะเป็นยารักษาโรคได้ มันเลยคล้ายกับ “เสือที่เคยผงาด” มาก่อน และกลับมาผงาดอีกครั้ง” คุณ Prempavee กล่าว
ผู้ชนะรางวัลใหญ่ ส่งมอบเงินให้เกษตรกรกู้
คุณ Lorenzo เผยถึงคอนเซ็ปต์ของการแข่งขันว่า เป็น Tournament ที่จัดตลอดทั้งปี และ 1 ครั้งต่อเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2023 ไปจนถึงเดือนเมษายน ปี 2024
โดยผู้ชนะการแข่งขันในรอบสุดท้าย คือ เดือนเมษายน ปี 2024 จะได้รับเงินรางวัลที่ 1,000,000 บาท ผู้ชนะจะต้องแบ่งเงินรางวัลออก มากสุดไม่เกิน 20% ส่งต่อให้เกษตรกรรายอื่นได้กู้ และช่วยให้ความรู้ คำแนะนำกับเกษตรกรที่ถูกเลือก ในขณะที่เกษตรกรที่ได้รับเลือกและได้รับเงินกู้นั้นจะต้องืำการผ่อนชำระเงินที่ได้รับคืนให้กับผู้ชนะภายในเวลา 2 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย
ผลตอบรับจากการแข่งขัน 2 รอบที่ผ่านมา
คุณ Lorenzo เปิดเผยว่า ภายหลังที่ได้มีการประกาศจัดงาน 1st GANJA CUP ทั้งคู่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งเกษรตกรผู้เพาะปลูกในท้องถิ่น และนานาชาติ รวมถึงผู้ผลิตกัญชา การแข่งขันรอบล่าสุดในเดือนกรกฎาคมนี้ มีผู้เข้าร่วมส่งตัวอย่างดอกกัญชามาแล้วว่า 20 ราย ส่วนใหญ่มากจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคุณ Lorenzo กำหนดไว้ที่ 21 ราย เพื่อต้องการให้การตรวจสอบสายพันธุ์และการตัดสินนั้นเป็นอย่างละเอียดและควบคุมได้
การปลดล็อกกัญชาเป็นการเปิดเส้นทางให้กับเกษตรกรในท้องถิ่นได้กลับมามีรายได้เพิ่มขึ้นและมั่นคงอีกครั้ง ด้วยกิจกรรมการแข่งขัน PREMPAVEE 1st GANJA CUP ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ไม่ใช่รูปแบบองค์กร ได้เข้ามามีส่วนในการขับเคลื่อนสังคมการเพาะปลูกกัญชาและตลาดกัญชาให้เติบโตมากขึ้น สร้างเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างยั่งยืน พร้อมแนวไอเดียการแข่งขันที่แตกต่าง จากผู้รับสู่ผู้ให้ ส่งต่อความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี