“ยุคโลกร้อนสิ้นสุดลงแล้ว” และเข้าสู่ “ยุคโลกเดือด” (“the era of global warming has ended” and “the era of global boiling has arrived.”) อันโตนิโอกูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาเตือนชาวโลก ในเดือนกรกฎาคม ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
และเดือนกรกฎาคม 2023 ก็ได้ถูกกำหนดให้เป็นเดือน “ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์” มีช่วง 3 สัปดาห์ที่ร้อนที่สุด เท่าที่เคยบันทึกมา อีกทั้งมีถึง 3 วันอากาศร้อนสุดเป็นประวัติการณ์
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรของไทยอย่างเห็นได้ชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะกับชาวสวนยางพารา ทั้งการเกิดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ปริมาณน้ำยางและเปอร์เซ็นต์ยางลดลง จำนวนวันที่เหมาะสมในการกรีดยางลดลง เสี่ยงต่อน้ำท่วม เสี่ยงต่อความแห้งแล้งลมพายุรุนแรงทำให้ต้นยางโค่นล้ม
ขณะที่ความร้อนทำให้ต้นยางเครียด น้ำยางลดลง ที่สำคัญชาวสวนยางมีความไม่มั่นคงในชีวิต
ดาหลาช่วยสร้างรายได้ -ความมั่นคงด้านอาหาร
เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนสวนยางพาราเชิงเดี่ยว เป็นระบบสวนยางยั่งยืน สุภา ใยเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) สะท้อนออกมาในงาน “มหัศจรรย์ดาหลา” ป่าอาหารสำหรับเมือง ที่จัดขึ้น ณ สวนผักคนเมือง มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย) เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ปีนี้ชาวสวนยางเจอภาวะอากาศที่ร้อนมาก ทำให้ผลผลิตน้ำยางไม่ออก การกรีดยางจำนวนวันลดน้อยลง ส่งผลกระทบเศรษฐกิจชาวบ้าน และลามมาถึงห่วงโซ่อาหาร
“ปีก่อนหน้า 2565 สวนยางพาราพื้นที่ภาคใต้ของไทย เจอปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ฝนตกชุก และเจอปัญหาโรครากขาวใบร่วง ต้นยางตาย ซึ่งพอชาวสวนยางเจอสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คนใต้ได้นำวัฒนธรรมของคนใต้กลับมาใช้ คือ สวมสมรม เป็นการปลูกพืชผสมผสานในสวนยาง ทั้งการปลูกผักเหมียง ผักกูด เป็นพืชอาหารปลูกผสมในสวนยาง มีตัวอย่างที่ จ.ยะลา ที่จ.พัทลุง มีการปลูกทุเรียนพื้นบ้าน และมีการปลูกดาหลา ในสวนยาง”
ผู้อำนวยการมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน ยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการสร้างระบบนิเวศ รับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบเกษตรกรรมต้องมีการออกแบบ มิใช่อยากจะปลูกอะไรก็ใส่ลงไป โดยไม่ได้ดูถึงความเหมาะสมของระบบนิเวศแต่ละพื้นที่ รวมถึงความถนัดเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจ ชาวสวนต้องวิเคราะห์จะปลูกอะไรในสวน เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจให้กับเรายามผลผลิตราคาตกต่ำ
“ดาหลา” จึงถือเป็นพืชเด่นตัวหนึ่งที่ช่วยให้สวนยางยั่งยืน มีความโดดเด่น เพราะทนร่มเงาในสวนยางได้ ทนต่อสภาพอากาศแปรปรวน ช่วยรักษาความชื้นในสวนยาง ช่วยให้ดินในสวนยางไม่แน่นทึบ ดอกดาหลาใช้เป็นอาหารคาวหวานได้ ลำต้นดาหลาสามารถสกัดเป็นเส้นใยได้
เกษตรกรชาวสวนยาง อย่าง ฉลวย ทองเทพ ตัวแทนกลุ่มเกษตรพื้นบ้านตำบลวังใหญ่ อ.เทพา จ.สงขลา เล่าถึงดาหลาช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหารและรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางได้ ช่วงราคายางสูงแตะ 200 บาท ชาวสวนยางกินแล้วซื้อ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย หลังจากนั้นเมื่อราคายางตกต่ำ รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้ชาวสวนกลุ่มหนึ่งเริ่มหันมาปลูกพืชร่วมยาง อย่างพืชล้มลุก แรกๆ ก็ปลูกเพื่อกินเพื่อดำรงชีวิต จากนั้นเมื่อต้นยางพาราโตก็ปลูกไม้ยืนต้นที่อยู่คู่กับป่ายางได้ เช่น สะตอ ผักเหมียง ดาหลา ข่า เป็นต้น
“2 ปีนี้แทบไม่ได้กรีดยางเลย ปีที่แล้วฝนตก น้ำท่วมเดือนเมษายน กรีดยางแต่ก่อนกำหนด 25 วัน ตอนนี้ 15 วันก็หรูแล้ว ใน 1 เดือน อากาศเปลี่ยนแปลงแบบเดาใจไม่ถูก ชาวสวนยางได้รายได้จากพืชเสริม จากการปลูกดาหลา ผลพลอยของการปลูกพืชร่วมยางทำให้หน้าดินในสวนยางชุ่มชื้น ต้นยางไม่แห้ง มีน้ำยางเพิ่มขึ้น ซึ่งการปลูกไม้ร่วมไม่ว่าต้นไม้ชนิดไหน ความชื้นในดินจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
ตัวแทนกลุ่มเกษตรพื้นบ้านตำบลวังใหญ่ ชี้ว่า พืชร่วมยาง อย่างดาหลา ปัจจุบันคำสั่งซื้อจากกรุงเทพฯ ใช้อย่างน้อยอาทิตย์ละ10-15 ดอก คิดดอกละ 10 บาท ถือเป็นพืชเสริมรายได้ให้เกษตรกรอีกทางหนึ่ง
ด้านเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคใต้ ซึ่งทำแบบครบวงจร ตั้งแต่เรื่องพันธุกรรมจนถึงการตลาด เสาวนีย์ สิทธิชน : กองทุนยาไส้ยาใจ ให้มุมมองถึงการส่งเสริมการปลูกดอกดาหลา เมื่อส่งเสริมให้ทุกคนปลูก แต่สุดท้ายไม่รู้จะไปทางไหนก็กลายเป็นไม้กระแส ทำให้ทุกคนบาดเจ็บ จำเป็นต้องคิดต่อว่า ทำอย่างไรสร้างความรับรู้คุณค่าของดอกดาหลา ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทางให้ได้ ซึ่งดาหลาไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่ให้ความสวย แต่ยังมีคุณค่า และมูลค่าจากการลงมือและการจัดการ
“เราค้นพบว่า ดอกดาหลาแต่ละฟอร์ม แต่ละแบบแต่ละสายพันธุ์ไม่เหมือนกันเลย บางสายพันธุ์เหมาะกับทำอาหาร บางพันธุ์เหมาะกับการเป็นไม้ตัดดอก จัดแจกัน บางพันธุ์เหมาะกับเป็นยา และเวชสำอาง ซึ่งความรู้เหล่านี้ชุมชนไม่สามารถทำได้ทุกเรื่องแต่ละภาคส่วนทั้งหน่วยงานราชการ ภาควิชาการ สามารถมาช่วยเรื่องงานวิจัยได้ ”
สำหรับความเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากดอกดาหลาในพื้นที่ภาคใต้ เสาวนีย์ มองว่า จากแต่ก่อนใช้ดอกดาหลาเฉพาะเมนูข้าวยำ หลังจากมีการจัดงานดอกดาหลาบาน ที่ จ.พัทลุง มีคนรุ่นใหม่นำไปต่อยอด สร้างสรรค์เมนูอาหารจากดอกดาหลา เช่น วุ้นดอกดาหลา ไอศรีมดอกดาหลา ส้มตำ ยำสามกรอบ แกงส้ม
“การพัฒนาต่อคิดต่อต้องฝากคนรุ่นใหม่ เพราะสุดท้ายแล้วคนในเมืองคงไม่ได้กินแบบคนคนพื้นที่ทั้งหมด เราหวังว่า อย่างน้อยเชฟรุ่นใหม่ๆ หรือคนที่ทำเรื่องอาหารจะต่อยอด ช่วยประดิษฐ์คิดเมนูอาหารที่ทำจากต้น หรือดอกดาหลาให้มีคุณค่า กินได้ทุกๆ วัย” เสาวนีย์ ตั้งเป็นโจทย์ที่ฝากไว้ให้กับคนเมือง พร้อมกับเห็นว่า ดาหลาเป็นมากกว่าดาหลา นอกจากเป็นไม้สวยแล้ว ยังมีคุณค่าอยู่ร่วมกับไม้อื่นได้ ไม่โดดเดี่ยว เป็นระบบนิเวศที่เกื้อกูล แบ่งปัน”
สำหรับการชวนผู้คนที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย ไม่เคยทานดอกดาหลาเลย แล้วหยิบดอกดาหลาเข้าครัวทำเมนูอาหารนั้น กฤช เหลือลมัย นักปรุงอาหารผ่านเตาไฟและตัวหนังสือ ได้ชวนให้นึกถึงดอกดาหลาว่า เหมือนกับวัตถุดิบที่เราไปทำอาหารไหนบ้าง ให้ลองเด็ดดาหลามาดม ลองชิม
เมื่อดูองค์ประกอบข้างในดอกดาหลา ก็พบว่า ลอกดอกดาหลาออกมาจะเหมือนหัวปลี กลิ่นเหมือนตระไคร้ เปรี้ยวๆ นอกจากการนำดาหลาซอยๆ ใส่ข้าวยำ หรือนำไปทำแกงเหลืองแล้ว ดาหลาจะอยู่ที่ไหนได้อีกบ้าง เขาคิดนอกกรอบ คิดเมนูที่มีส่วนประกอบดาหลาในเมนูอาหาร
-ต้มข่าหัวปลี เอาหัวปลีออก นำดอกดาหลาใส่แทนไป พอต้มนานๆ พบว่า ไม่เละ มีกลิ่นเปรี้ยวหอมอ่อนๆ
-น้ำพริกกะปิ หรือน้ำพริกตระไคร้ เอาตระไคร้ออกนำดาหลามาซอยๆ ตำใส่แทน เหมือนน้ำพริกตระไคร้ที่มีความหอมของดาหลา ยิ่งเอาไปผัดน้ำมัน จะดึงกลิ่นดาหลาออกมา
-ยำตระไคร้หมูย่าง
-หมี่กรอบ ใช้ดาหลาแทนส้มซ่า จะได้หมี่กรอบอีกสูตร
-ขนมจีนน้ำพริก ความหวานของน้ำพริกจะถูกตัดด้วยความหอมของดอกดาหลา
“ผมลองทำ ดาหลาอร่อย มีทั้งความหอม ฉุน ซ่า กลิ่นละมุนละไม ไม่เละ คงรูปอยู่ได้” นี่คือสิ่งที่ นักปรุงอาหารผ่านเตาไฟและตัวหนังสือ ได้ทำลองทำเมนูจากดอกดาหลา”
สุดท้าย เชฟป๊อป - พิชชากร แห่งร้าน ADHOC BKK ที่คิดเมนู พล่าคอหมูย่างดอกดาหลา แกงเหลืองดอกดาหลา ปลาดุกนา มาโชว์ในงาน ‘มหัศจรรย์ดาหลา’ ป่าอาหารสำหรับเมือง’ บอกว่า ประสบการณ์การทำอาหาร เคยใช้ดาหลามาเป็นส่วนประกอบของเมนูอาหารหลายครั้ง แต่หากเป็นรูปแบบการโขกผสมในน้ำพริกเลย หรือผสมในแกงนั้น ยังไม่เคยปกติจะเสริฟ์สด เป็นผักทานกับน้ำพริก ไอเดียที่ได้จากงานนี้ คือ หากที่ร้านเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์ส ดอกดาหลาจะมาคั่น พวก Sherbet เพื่อเริ่มต้นเข้าเมนคอร์สใหม่
“ส่วนตัวชอบดอกดาหลามากๆ ทั้งกลิ่น รส หน้าตา เป็นอีก category ของมะนาว และข่า ซึ่งที่ผ่านมาพยายามนำเสนอ ชาดอกดาหลา ก็พบว่า คนรุ่นใหม่บางคนไม่เคยทาน แอบตกใจไม่เคยรู้จักดอกดาหลามาก่อน เราเองก็ตกใจว่าทำไมเขาตกใจ ขณะที่ฝรั่งแทบไม่เคยตกใจอะไรเลย เพราะเขามาเพื่อเปิดรับสิ่งใหม่”เชฟป๊อป - พิชชากร ให้มุมมอง พร้อมเชื่อว่า การรังสรรค์เมนูที่มีวัตถุดิบจากดอกดาหลา อันดับแรก เชฟต้องชอบในวัตถุดิบนั้นก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี