'ไพศาล'เผยประวัติ"ครูกายแก้ว"ไม่ใช่เทพอสูร แต่เป็นอสุรกาย และไม่ใช่บรมครูผู้ขมังเวทย์ ที่มีชาติภพภูมิเดิมเป็นนก อีกทั้งไม่ใช่อาจารย์ของพระเจ้าสุริยะวรมันของขอมโบราณ ชี้บทสวดมนต์และคาถาที่ใช้ในวันบวงสรวงบิดเบือนบทสวดในศาสนาพุทธอีกด้วย ระบุเป็นการตลาดที่เอาไว้หลอกคนจีน ขายรูปบูชา จี้ถาม กทม.ถ้าประชาชน มีความหวาดกลัว หรือเกรงอัปมงคล หรือภัยพิบัติ แล้วจะให้ทำอย่างไร
16 ส.ค.66 หลังจากกระแสมูเตลู“ครูกายแก้ว”กำลังเป็นที่สนใจ โดยมีคนบางกลุ่มเชื่อว่าเป็นเทพกึ่งมนุษย์กึ่งนก เป็นตำนานผู้เรืองเวทย์ ขอพรโชคลาภ ขอหวย ฯลฯ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อีกมุมหนึ่งว่า เป็นรูปปั้นที่มีลักษณะน่ากลัว เหมือนอสุรกาย เนื่องจากมีลักษณะรูปปั้นขนาดใหญ่ยักษ์ มีปีก ดวงตาแดง เขี้ยวสีทอง ตั้งไว้กลางกรุงเทพฯบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว และมีพิธีบวงสรวงเบิกเนตรไป เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol แสดงความเห็นส่วนตัว ระบุว่า...
สิ่งที่กำลังหลอกลวงให้ไขว้เขวกันอยู่ ครูกายแก้ว ไม่ใช่เทพอสูร เพราะเทพอสูร คือยักษ์ ที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม จนบรรลุธรรมขั้นสูง คือชั้นพรหม จึงได้ชื่อว่า เป็นเทพอสูร เช่นท้าวลัสเตียน ซึ่งเป็นบิดาของทศกัณฐ์เป็นต้น ภูมิธรรมชั้นพรหมนี้ คือภูมิธรรมชั้นเดียวกันกับท้าวกบิลพรหม ซึ่งเป็นบิดาของนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด
ครูกายแก้วไม่ใช่มนุษย์ และไม่ใช่คนธรรพ์ ซึ่งอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า ผีเปรตอสุรกาย และไม่ใช่บรมครูผู้ขมังเวทย์ แต่ท่านเป็นอสูรกาย ที่มีชาติภพภูมิเดิมเป็นนก ท่านไม่ใช่อาจารย์ของพระเจ้าสุริยะวรมัน ของขอมโบราณ บทสวดมนต์และคาถาที่ใช้ในวันนั้น (วันบวงสรวง) เป็นบทบิดเบือนบทสวดในศาสนาพุทธ จนวิปริตไปสิ้น
บทที่สวดอัญเชิญ แท้จริงก็คือบทชุมนุมเทวดา ซึ่งชาวพุทธจะคุ้นเคย เวลาพระจะเริ่มสวดพระปริตร ก็จะมีพระที่นั่งลำดับที่ 3 สวดบทชุมนุมเทวดาที่ขึ้นต้นด้วยสัคเคกาเมจะรูเป... ซึ่งแปลว่าบัดนี้เป็นเวลาฟังธรรมแล้ว ขอเชิญเหล่าเทพทั้งหลาย( ไม่ได้เชิญพวกอสูรกาย เพราะพวกนี้ไม่ฟังธรรม) ฟังธรรมของพระบรมศาสดาเถิด นี่ไม่ใช่บทอัญเชิญครูกายแก้วที่ใช้สวดในวันนั้น เหตุที่ต้องสวดชุมนุมเทวดาก็เพราะ เทวดามาขอพรไว้ว่า อยากฟังธรรม ขอจงมีความเอื้อเฟื้อแก่เทวดาทั้งหลายให้ได้มีโอกาสฟังธรรมด้วย
ลักษณะของอสุรกายนี้ พวกกรีกได้สร้างเป็นภาพขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่คติภาพนิยมของพราหมณ์อินเดียใต้ หรือของขอมโบราณแต่ประการใด ต้องถามกรุงเทพมหานครว่า ถ้าประชาชน มีความหวาดกลัว หรือเกรงอัปมงคล หรือภัยพิบัติ แล้วจะให้ทำอย่างไร เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ได้แต่นึกสังเวชพวกนักการตลาดวิปริต ที่คิดวิปริต ต่างๆ นานาได้มาก แท้จริงก็ต้องการหลอกคนจีน มาลงทุนในย่านนี้และ หลอกขายรูปบูชา ให้แก่ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญา แล้วคำนึงถึงอาเพศเหตุอัปมงคลที่จะบังเกิดในบ้านเมืองไหม ท่านใดมีใจหวาดกลัว ก็จงอาราธนาพระสงฆ์สวดพระปริตร และเพิ่มด้วยบทสวดถอนพัทธสีมาเถิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี