กลุ่มสภาศิลปินฯ-ตัวแทนกลุ่มองค์กรชาวพุทธ ร่วมอ่านแถลงการณ์ ข้อเสนอแนะถึงผู้บริหารโรงแรม และผู้เกี่ยวข้องแก้ปัญหากรณีรูปปั้น 'ครูกายแก้ว' โดยเสนอแนะหากเป็นไปได้ควรย้ายออกจากพื้นที่ ชี้ความเชื่อไม่ใช่เรื่องผิด แต่ห่วงเยาวชนที่ไปไหว้โดยไม่รู้ที่มาที่ไป หรือประวัติ หากจะมูจริงๆ ก็ควรมีหลักการ หลักฐานอ้างอิง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม เตรียมยื่นหนังสือถึง กทม.-กรมการศาสนาต่อไป
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัล ถนนรัชดา สภาศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หน่วยเผยแพร่ศีลธรรม ในความอุปถัมภ์ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้อ่านแถลงการณ์เพื่อขอให้เคลื่อนย้ายรูปปั้น 'ครูกายแก้ว' ออกนอกพื้นที่ เนื่องจากขัดกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและไม่มีความเหมาะสม ถ้าหากประดิษฐานร่วมกับบรรดาเทพองค์อื่นๆ ที่เคารพบูชา ในละแวกแยกรัชดา-ลาดพร้าว
นายศุภชัย ผ่องสวัสดิ์ ตัวแทนสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานรวมถึงประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวรูปปั้น ครูกายแก้ว และอยากจะใช้การแถลงข่าวดังกล่าวเป็นสื่อในการรณรงค์ ว่าหลักของชาวพุทธในการสักการะบูชา จะต้องมีหลักเหตุและผล มีหลักฐานอ้างอิงได้ แต่หากปล่อยความเชื่อบางเรื่อง การไหว้โดยไม่มีเหตุผลไปสู่คนรุ่นหลัง อาจจะเป็นผลเสียต่อพระพุทธศาสนาได้ และวานนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกศิษย์ คนจัดสร้างครูกายแก้วในรายการโทรทัศน์หนึ่ง ซึ่งบอกว่า ครูกายแก้ว เป็นอสูรเทพ เหมือนท้าวเวสสุวรรณฯ แต่ไม่มีการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ จึงเชื่อว่า น่าจะเป็นความเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า โดยไม่มีการหารือในทางออกแต่อย่างใด
"ส่วนตัวเห็นว่า ความเชื่อไม่ใช่เรื่องผิด แต่ห่วงเยาวชนที่ไปไหว้ โดยไม่รู้ที่มาที่ไป หรือประวัติ หากจะมูจริงๆ ก็ควรมีหลักการ หลักฐานอ้างอิง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา ส่วนจะมีการย้ายออกนอกพื้นที่หรือไม่ คงเป็นสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ในอนาคตอาจไปยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กทม., กรมศาสนา รวมถึงผู้บริหารโรงแรมดังกล่าวด้วย"
นส.วีรยานันท์ อภิธนาพัฒน์ คณะกรรมการสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีการนำรูปปั้นที่แปลกตา มีลักษณะน่ากลัว นำมาตั้งให้คนสักการะ เสมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยที่พุทธศสานิกชนส่วนใหญ่ ไม่ทราบประวัติที่มาว่าเป็นสถานะใด เป็นเทพ เป็นพรหม หรือสิ่งใด ต่อมามีผู้รู้ ผู้วิจารณ์ในโซเชียลมากมายว่า เป็น อสุรกาย บ้าง เป็นเทพอสูร (ซึ่งไม่สอดคล้องกับเทพ เทวดาในหลักพระพุทธศาสนา) เป็นเปรตบ้าง ซึ่งเรื่องที่กล่าวมา พระพุทธศาสนา ได้มีหลักคำสอนที่ทุกคนควรยึดถือ และปฏิบัติ คือการบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นอุดามมงคล บุคคลที่ควรบูชา อาทิ พระรัตนตรัย บิดา มารดา หรือเทวดา (ที่ระบุไว้ในพระพุทธศาสนา) และพระมหากษัตริย์ มิใช่ อสุรกาย เปรต ถึงแม้จะมีอิทธิฤทธิ์ บันดาลบางอย่างได้ แต่ก็อยู่ในภูมิทุคติต่ำกว่ามนุษย์ จะเป็นมงคลได้อย่างไร จะนำมาซึ่งความเสื่อม และไม่เป็นมงคลต่อผู้บูชา และอาจจะ มีผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียงได้
องค์กรชาวพุทธ กทม. และสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ อยากเสนอแนะ เพื่อพิจารณาดังนี้ 1.ไม่ให้คนสักการะบูชา อาจะทำเป็นรูปปั้น ที่แสดงประวัติตามความเชื่อ แต่มิใช่เปิดให้สักการะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์กลางเมือง แบบนี้ 2.หากเป็นไปได้ จะเคลื่อนย้าย ออกไปให้พ้นในพื้นที่ 3.ถ้าไม่สามารถดำเนินการได้ ทั้ง2 ข้อ สมควรจัดพิธีบวงสรวงขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัย และพรหมเทวดาชั้นสูง มี ท้าวมหาราชทั้งสี่ และไม่เน้นการบูชารูปปั้นนี้ต่อไป โดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดภาณยักษ์ ฯลฯ จะทำให้บรรดาภูตผี หรือสิ่งไม่ดี ที่มาสิงสถิตในรูปปั้นนี้ หลีกทางออกไปด้วยพุทธคุณ จึงขอเสนอแนะมาเพื่อพิจารณาตามสิทธิส่วนบุคคล ตามที่ได้ มีพุทธศาสนิกชนสวนใหญ่ เกิดความวิตกกังวลหวาดกลัว เกรงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในบ้านเมือง ตามความเชื่อส่วนบุคคล (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สภาศิลปินฯออกโรงจี้ย้ายรูปปั้น'ครูกายแก้ว' ชี้สร้างความหวาดกลัว-เสียขวัญต่อ ปชช.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี