ต้องยอมรับว่าปัจจุบันอาชีพล่าตัวต่อหัวเสือ และ ผู้เลี้ยงต่อหัวเสือ กำลังเป็นที่นิยมของชาวบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.นาแก และ อ.ปลาปาก จ.นครพนม หลังจากเคยมีพื้นที่แค่บางหมู่บ้านเท่านั้น ที่สืบทอดภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้วยการเลี้ยงต่อหัวเสือ เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัว ลักษณะเป็นอาชีพเสริม ต่อมามีลูกค้ากลุ่มนักเปิบพิสดารให้ความสนใจ จึงมีราคาเพิ่มขึ้น ตกรังละ 1,500-2,000 บาท ส่วนลูกตัวต่อหัวเสือตกราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท
ทำให้ชาวบ้านเห็นช่องทาง หันไปเลี้ยงสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูฝนมากขึ้น ยิ่งปีไหนฝนดีตกชุก ส่งผลให้ต่อหัวเสือมีการขยายพันธุ์เร็ว เลี้ยงง่ายโตเร็ว ผันจากอาชีพเสริมเป็นอาชีพหลัก ถึงแม้จะมีความเสี่ยงอันตราย ขั้นเสียชีวิตก็ตาม แต่ถือว่าสร้างรายได้ดีได้เงินเร็ว และหากเข้าใจเรียนรู้การเลี้ยงต่อหัวเสืออย่างถูกวิธีก็จะปลอดภัย
เฉกเช่น นายบัญชา ศรีชาหลวง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาน อ.นาแก จ.นคพรนม ถือเป็นต้นแบบที่เรียนรู้การเลี้ยงต่อหัวเสือ ก่อนที่จะนำวิชามาแนะนำชาวบ้านในพื้นที่ ต.พิมาน ส่งเสริมอาชีพเลี้ยงต่อหัวเสือสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่สนใจ ทำให้ในรอบ 2 -3 ปี ที่ผ่านมา มีชาวบ้านได้เรียนรู้ เรื่องการดูแลที่ปลอดภัย นำมาเลี้ยงในครัวเรือน เพื่อสร้างรายได้เสริม ทำเงินปีละกว่า 10,000 บาท
ส่วนการเริ่มต้นเลี้ยงตัวต่อ สิ่งแรกจะต้องเรียนรู้ สำหรับความชำนาญในการล่ารังต่อ โดยชาวบ้านจะโชว์สกิลความสามารถ ตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน นำอาหารพวกแมลง ตั๊กแตน เนื้อสัตว์ ที่ตัวต่อหัวเสือชอบ ไปวางตามพื้นที่ใกล้ป่า ไร่นา เพื่อเป็นการล่อแม่ต่อหัวเสือ ออกมาล่าหาอาหาร เพื่อนำไปเลี้ยงลูกอ่อนในรัง โดยชาวบ้านที่เทิร์นโปรเป็นเซียนล่าต่อหัวเสือ จะใช้เชือกฟาง หรือเส้นด้ายขนาดเล็ก ผูกเป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นชัดกับอาหารที่ล่อ ก่อนจะวิ่งตามไปถึงรังต่อ ส่วนใหญ่ต่อหัวเสือจะเริ่มทำรัง ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนตุลาคม
หลังจากชาวบ้านพบรังต่อหัวเสือตามธรรมชาติ จะใช้ความชำนาญเฉพาะตัวในการเคลื่อนย้ายรังต่อ เวลาที่เหมาะคือช่วงกลางคืน โดยจะปิดรูเข้าออกในรังต่อหัวเสือ พร้อมนำถุงดำสวม เพื่อป้องกันอันตรายจากแม่ต่อหัวเสือ และนำไปไว้ตามไร่นา สวนท้ายหมู่บ้านที่ปลอดภัย และปล่อยให้โตตามธรรมชาติ ใช้เวลาสัก 2 -3 เดือน เมื่อรังต่อใหญ่พอประมาณ คาดว่าสามารถเก็บผลผลิตได้ ชาวบ้านเซียนล่าต่อหัวเสือ จะสวมชุดคลุมที่ตัดเย็บมาเป็นพิเศษ ป้องกันตัวต่อหัวเสือต่อย เข้าไปล้วงรังต่อ จากเดิมใช้วิธีการเผารมควัน แต่วิธีนี้ทำให้แม่ต่อหัวเสือตาย จึงมีการปรับเปลี่ยนการล้วงรังต่อ ด้วยชุดที่คิดค้นขึ้นมาเอง โดยวิธีนี้สามารถเก็บผลผลิตได้อีก 2 -3 รอบ เป็นการเพิ่มมูลค่า โดยผู้ที่เข้าไปล้วงรังต่อต้องมีความชำนาญเฉพาะตัว เพื่อนำลูกตัวต่อมาปรุงเป็นเมนูเด็ด หลากหลายชนิด เช่น แกง คั่ว หมก เจียวใส่ไข่ ก้อย ยำ และนำไปขายสร้างรายได้
นายบัญชา ศรีชาหลวง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับอาชีพล่าตัวหัวเสือยอมรับว่าอันตราย หากไม่มีความชำนาญ และเรียนรู้การอยู่กับต่อหัวเสือ หรือการล่าตัวต่อหัวเสือ หากพลาดถูกต่อยอาจถึงตาย เพราะมีพิษร้ายแรง ตนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง กับทีมงาน ก่อนที่จะมาส่งเสริมชาวบ้าน ให้มีความรู้เชี่ยวชาญ ในการดูแลเลี้ยงต่อหัวเสือ ตั้งแต่การล่าต่อหัวเสือ ไปจนถึงการดูแลรักษา ให้ปลอดภัยไม่เกิดอันตราย
ที่สำคัญได้ทดลองเก็บผลลิตด้วยการตัดเย็บชุดล้วงรังต่อ แทนการรมควัน ปรากฏว่าปลอดภัย และสามารถเก็บผลลิตได้ 2-3 รอบ เพิ่มมูลค่า ส่วนรังต่อหัวเสือยอมรับว่าปัจจุบันเป็นเมนูหายาก เป็นที่ต้องการของตลาด ราคาต่อรังประมาณ 1,500-2,000 บาท ส่วนลูกต่อหัวเสือราคากิโลกรัมละประมาณ 1,000 บาท เมื่อได้ตัวต่อหัวเสือแล้ว ก่อนนำไปปรุงเมนูเป็นเมนูต่างๆ จะต้องเอามานึ่งทั้งแผง แล้วแกะเอาเฉพาะลูกต่อหัวเสือออกจากรัง มาปรุงเป็นเมนูเปิบพิสดาร สามารถปรุงได้หลากหลายชนิดตามความชอบ ส่วนใหญ่จะทำก้อย ยำ และเจียวใส่ไข่ หากจะเก็บไว้ทานนาน ๆ สามารถบรรจุถุงแช่ฟิตแข็งได้เลย แบบนี้จะเก็บไว้นานหลายเดือน
สำหรับปริมาณตัวต่อหัวเสือ โดยธรรมชาติปีไหนที่ฝนตกชุกจะหาง่าย และมีการทำรังจำนวนมาก เชื่อว่าขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ ด้วย ถือว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้เสริมพอสมควร บางรายได้ปีละนับ 10,000 บาท แต่ต้องเรียนรู้ถึงความปลอดภัย เพราะอันตรายถึงชีวิต - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี