ชิม “แกงกะลากรุบหมูย่าง ทานคู่กับปลานิลแดดเดียว” เมนูพื้นถิ่นชาวเขมรลาวเดิม ที่อำเภอวัดเพลง จ.ราชบุรี เป็นอาหารพื้นถิ่นลำดับที่ 46 ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ชู แกงกะลากรุบเป็นอาหารถิ่นประจำจังหวัดราชบุรี “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น พ.ศ.2566”
3 กันยายน 2566 หลังจากที่มีการประกาศรายชื่ออาหารท้องถิ่นที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น พ.ศ.2566” จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ที่เปิดให้ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป ร่วมส่งเมนูอาหารท้องถิ่นในจังหวัดของตนเข้ารับการคัดเลือกในหัวข้อ “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รสชาติ..ที่หายไป The Lost Taste” เพื่อรับโล่รางวัลและเกียรติบัตรจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นจากเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
โดยอาหารทั้งหมดจะมี 77 เมนู จาก 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร มีเกณฑ์การคัดเลือกจากอาหารไทยท้องถิ่น หรืออาหารพื้นบ้านทั้งคาวและหวานที่หารับประทานได้ยาก โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัด คัดเลือกจังหวัดละ 3 เมนู และกลุ่มส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมคัดเลือกอีก 3 เมนู ก่อนจะรวบรวมทั้งหมดแล้วนำส่งให้ “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม” คัดเลือกให้เหลือเพียงเมนูเดียวเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด
โดย จังหวัดราชบุรี ได้รับคัดเลือกเป็นอาหารพื้นถิ่นลำดับที่ 46 ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ได้ชู “แกงกะลากรุบ” เป็นอาหารถิ่นประจำจังหวัดราชบุรี สร้างความฮือฮา และ คำถามจากชาวจังหวัดราชบุรีเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายคนยังไม่รู้จักหรือคุ้นหูกับเมนูดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวจึงพาไปรู้จัก และชิมเมนูเด็ด “แกงกะลากรุบหมูย่าง ทานคู่กับปลานิลแดดเดียว” เมนูพื้นถิ่นชาวเขมรลาวเดิม ที่อำเภอวัดเพลง จ.ราชบุรี ที่ร้านอาหาร เจ๊หน่าคาเฟ่ Je’nha cafe บ้านสวนส้มทิพย์รีสอร์ท อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นร้านอาหารบรรยากาศแบบไทยๆ ที่มีการจำหน่าย อาหารไทย ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า และ ขนมตำหรับไทย
นายธิติพัทธ์ พลอยหิน เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ตนต้องถือโอกาศขอบคุณทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรงวัฒนธรรม ที่ได้ประกาศชูเมนู “แกงกะลากรุบ” เป็นอาหารพื้นที่ประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งเมนูนี้ ที่ร้านของตนขายมานานมาก เนื่องจากคุณแม่ เป็นผู้ทำและสืบทอดมาจากเมนูชาวบ้านคนเฒ่าคนแก่ที่ล้มหายตายจากไป อีกทั้งอำเภอวัดเพลง มีชนชาติพันธ์ชาวเขมรลาวเดิม และยังมีการปลูกมะพร้าวน้ำหอมจำนวนมาก ต้องย้อนกลับไปช่วงเปิดร้านแรกๆ บริเวณรั้วบ้านมีการปลูกต้นมะพร้าวเพื่อทำแนวกำแพง ซึ่งต้นมะพร้าวได้ออกลูกมะพร้าวลูกเล็กๆ
คุณแม่จึงนำมาผ่าและขอดกะลาเนื้ออ่อนซึ่งมีความกรุบรสชาติจะฝาดๆ นำมาแกงกับหมูตามสูตรที่สืบทอดกันมา รสชาติของนำแกงจะออกหอมหวานเมื่อทานเนื้อกะลาอ่อนจะออกกรุบๆ อร่อยมาก ตนได้ทานยังรู้สึกติดใจในรสชาติ ปัจจุบันจึงนำมา ทานควบคู่กับเนื้อปลานิลแอดเดียว ซึ่งเป็นสินค้าชุมชนที่ตำบลเกาะศาลพระ อำเภอวัดเพลง ได้รสชาติ อร่อยเพิ่มขึ้น เนื่องจากตัดกันได้ดี รสชาติของ แกงกะลากรุบหมูย่าง จะได้รสชาติออกหวาน ส่วนเนื้อปลานิลแดดเดียวจะได้รสชาติมันและติดเค็มเล็กน้อย
สำหรับ วิธีทำ ของ “แกงกะลากรุบหมูย่าง ปลานิลแดดเดียว” ใช้ส่วนผสมเครื่องปรุงสูตรของทางร้าน วิธีทำไม่ยุ่งยาก ใช้มะพร้าวอ่อน 1 ลูก ผ่าเป็นซีกใช้ช้อนขอดเอากะลาอ่อน แช่ในน้ำเกลือ
จากนั้นตั้งหม้อเทน้ำสะอาดตั้งจนเดือด ใส่น้ำมะนาว นำกะลาอ่อนลงไปคนให้เข้าที่ นำขึ้นมาน็อกในน้ำเย็นเพื่อให้เนื้อกะลามะพร้าวกรอบ ลำดับต่อมาคือการปรุงส่วนเครื่องแกงตามสูตรของทางร้านเมื่อได้ที่ให้ใส่ พริกหวาน ใบโหระพา ใบมะกรูด และเนื้อหมูย่างติดมัน คนจนได้ที่จึงนำกะลามะพร้าวใส่ลงไปคนจนเข้าที่ใส่ใบโหระพา คลุกเคล้าได้ที่แล้วเทใส่ถ้วยพาชนะพร้อมเสริม คู่กับเนื้อปลานิลแดดเดียว จำหน่ายราคา ชุดละ 229 บาท
อีก 1 เมนูแนะนำคือ ก๋วยเตี๋ยวกุ้งมังกรชามยักษ์ เราขายตามน้ำหนักของกุ้งมังกร ที่ซื้อวัตถุดิบตรงมาจากทะเล โดยใช้สูตรก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบโบราณ ที่ให้รสชาติเข้มข้น ภายในชาม นอกจากจะมีกุ้งมังกรแล้ว ยังมีไข่มังกร ปลาหมึก หอยแมลงภู่ ไข่ต้ม เกี๊ยวทอด และ กากหมู เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน จำหน่าย เริ่มต้นที่ 650 บาท ขึ้นอยู่กับน้ำหนักกุ้งมังกรด้วย
ส่วน เมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ชามเล็ก ไม่ทานกุ้งมังกร เริ่มต้นที่ ชามละ 40 บาท
สำหรับเมนูราดหน้าทะเลชามยักษ์ ที่เรายกทะเลมาไว้ในชาม เราเลือกวัตถุดิบสดๆ มาจากตลาดปลา ทั้งปลาหมึก กุ้ง และ หอย โดยภายในชาม จะประกอบด้วย หมูหมัก กุ้ง หอยแมลงภู่ และ ปลาหมึกตัวใหญ่ วางบนเส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว และผัก 6 ชนิด บล็อกคอลี่ แครอท คะน้า ข้าวโพดอ่อน และ ดอกกระหร่ำ ราดด้วยน้ำราดหน้าปรุงรสสูตรของทางร้าน จำหน่ายชามละ 299 ส่วน ชามเล็กราดหน้าหมูทั่วไปชามละ 40 บาท
นอกจากทั้ง 3 เมนูเด็ดที่แนะนำไปแล้ว ยังมีเมนูอาหารเด็ดๆมากมาย อาทิ ปลาทูซาเตี๊ยะ จานละ 100 บาท ห่อหมกมะพร้าวอ่อน 250 บาท ชุดเล้งต้มแซบ + ข้าวสวย 199 บาท
ส่วนเมนูของหวาน ร้านเจ๊หน่าคาเฟ่ Je’nha cafe บ้านสวนส้มทิพย์รีสอร์ท ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารบรรยากาศไทยๆ เรามีเมนูของหวานแบบไทยๆ และ ของหวานชาววัง ทำกันแบบสดใหม่ ทำมาวางจำหน่ายแบบขึ้นสำรับวันละ 20 ชนิด อาทิ ขนมไทยมงคล 9 ชนิด ขนมทองหยอด ขนมเม็ดขนุน ขนมทองเอก ขนมจ่ามงกุฎ ขนมถ้วยฟู ขนมชั้น ขนมเสน่ห์จันทร์ นอกจากนี้ยังมีขนมหวานโบราณ ลูกชุบ ฝอยทอง ขนมตะโก้ 5 ชนิด ประกอบด้วย ตะโก้หน้าเผือก ตะโก้หน้าสาคู ตะโก้หน้าแห้ว ตะโก้หน้ามันม่วง และตะโก้หน้าข้าวโพด ขนมเปียกปูนใบเตยกะทิสด และ ขนมลูกตาลลอยแก้ว
ส่วนขนมไทยที่ได้รับความนิยม ที่ทางร้านจะนั่งทำสดใหม่ตลอดทั้งวัน คือ ขนมผกากอง ไส้ถั่วทองกวนอบด้วยควันเทียน โดยที่ทางร้านเปิดให้ลูกค้าสามารถชมการทำได้ นอกจากนี้ยังมีขนม อาลัวกุหลาบ เป็นขนมไทยโบราณสีหวานและรสชาติอร่อยรับประทานกันแบบเพลิน ซึ่งทางร้านได้นำมาจัดโชว์ให้ลูกค้าได้เลือกสั่งรับประทานกันตามใจชอบ
สำหรับท่านที่ต้องการจะเดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร เจ๊หน่าคาเฟ่ Je’nha cafe บ้านสวนส้มทิพย์รีสอร์ท อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี เป็นร้านอาหารบรรยากาศบ้านเรือนไทยในสวน พร้อมขนมไทยโบราณรวมไว้ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ มีชาวบ้านในชุมชนมาทำขนมขายใต้ถุนเรือนไทยให้เลือกซื้อกัน เป็นของฝาก การเดินทางสะดวกอยู่ติดถนนสายหลัก ราชบุรี - วัดเพลง – วันดาว ร้านเปิด 09:00 - 17:00 น. ของทุกวัน โทร 097 957 6138 และ 098 453 8565
.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี