สถาบันอาหารซึ่งเป็นหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยมูลค่าการตลาดของอาหารแห่งอนาคต หรือ ฟิวเจอร์ ฟู้ดส์ ( Future Food) ที่สูงถึง 2000,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งพบว่าเมนูหนึ่งที่เหมาะกับผู้สูงอายุ นั่นคือ "ไข่ผำ" ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในอาหารแห่งอนาคตที่มีโปรตีนสูง และ สามารถรับประทานได้ง่าย รวมทั้งยังพบว่า เมนูไข่ผำกำลังได้รับความสนใจของคนเมืองอย่างมาก
กรมประมงดัน “ไข่ผำ” โปรตีนทางเลือกใหม่ อาหารแห่งอนาคต สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้เกษตรกร
กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าเตรียมความพร้อมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางส่งออก “ไข่ผำ” และ “จิ้งหรีด” โปรตีนทางเลือกใหม่ อาหารแห่งอนาคต (Future Food) สร้างอาชีพใหม่ให้เกษตรกร หวังสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศหลายพันล้านบาทต่อปี โดยเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมประมง และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดสัมมนาในหัวข้อ เทรนด์อาหารแห่งอนาคต “ไข่ผำ-จิ้งหรีด” ซุปเปอร์ฟู้ด จากธรรมชาติ ณ ห้องประชุม อาคารหนังสือพิมพ์ข่าวสด โดยมีนายเฉลิมชัย สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา และมีเกษตรกรและประชาชนสนใจเข้าร่วมฟังสัมมนาเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานดังกล่าว มีการนำสินค้าแปรรูปที่มาจากไข่ผำมาแสดง อาทิ ข้าวเกรียบไข่ผำ, ชาไข่ผำ, บะหมี่ไข่ผำ และ ขนมจีนน้ำยาไข่ผำ ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้เข้าชมงานอย่างมาก รวมทั้งยังมีพันธมิตรทางธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพที่จะเป็นหนึ่งในอาหารแห่งอนาคต คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพ “ตรา 5468” แจกฟรีตลอดงาน
ดร.สมบัติ สิงห์สี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด กรมประมง กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ” และ “จิ้งหรีด” สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทนเรียกว่า “ซุปเปอร์ฟู้ด” ของอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้ของเกษตรกรทั่วประเทศ “ไข่ผำหรือไข่น้ำ ” มีโภชนาการครบถ้วนสูง อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถพบได้ตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติทั่วประเทศ ชาวบ้านนิยมนำไข่ผำไปประกอบอาหาร และเป็นอาหารสัตว์ เลี้ยงเป็ด สุกร โค กระบือ ที่ผ่านมา กรมประมงถ่ายทอดความรู้เรื่องการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ไข่ผำแก่เกษตรกรเพื่อใช้ไข่ผำ เป็นอาหารเลี้ยงปลากินพืช เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาไน ฯลฯ ไข่ผำ มีโปรตีนสูง ช่วยให้ปลาโตเร็วแข็งแรง รวมทั้งส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไข่ผำในรูปแบบต่างๆ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก
ด้านนางสาวกมลวรรณ รุ่งประเสริฐวงศ์ เจ้าของ “ไร่แสงสกุลรุ่ง” ผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำระบบปิดครบวงจรรายแรกของจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “ไข่ผำ” เป็น super foods ของโลกที่เพาะเลี้ยงง่าย ปัจจุบันไร่แสงสกุลรุ่งผลิตไข่ผำสดขายในราคา 150 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ยังพัฒนาต่อยอดด้วยการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ขนมจีนน้ำยาผำ ข้าวเกรียบผำ กาแฟผำ เบเกอร์รี่ผำ ผงผำชงพร้อมดื่ม ตอบโจทย์ลูกค้าคนเมือง กลุ่มวัยรุ่น คนรักสุขภาพและผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องการเสริมโปรตีน สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน
“จิ้งหรีด” ให้โปรตีนถึง 7๐% อาหารอนาคตที่คนไทยเข้าถึงได้ทุกพื้นที่
ขณะที่ไข่ผำกำลังเป็นเมนูดาวเด่นที่ได้รับความสนใจ ในส่วนของเมนูแมลงอย่างจิ้งหรีดก็กำลังได้รับความสนใจไม่แพ้กันเพราะพบว่าในจิ้งหรีด 1 ตัว ให้โปรตีนสูงถึง 70% ซึ่งจะตอบโจทย์ในการสร้างสรรค์ให้เป็นเมนูอาหารแห่งอนาคต
ดร.รุจิเรข น้อยเสงี่ยม ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายระหว่างประเทศที่ 1 กองนโยบายมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า จิ้งหรีด เป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอดสำหรับมนุษย์ ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) แนะนำให้ทั่วโลกเพาะเลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อเป็นอาหารโปรตีนสำรองในอนาคต (Novel Food) เพราะมีราคาถูก เพาะเลี้ยงง่าย ลดการใช้ทรัพยากร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามการส่งออกจิ้งหรีดไทยไปต่างประเทศ ต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ.8202-2560 หรือการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด โดยมีกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจรับรองตาม มกษ. เพื่อรองรับการยกระดับฟาร์มจิ้งหรีดให้ได้มาตรฐานระดับสากล
ส่วนนายบัญชร นามธรรม เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจิ้งหรีดแนวตั้งรายแรก จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า จิ้งหรีด เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าลงทุนมากที่สุด สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างมหาศาล ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยเหมาะสำหรับการเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นที่สุด ปัจจุบันทางบริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงจิ้งหรีดด้วยระบบให้อาหารและน้ำอัตโนมัติเป็นรายแรกในประเทศไทย ที่แม่นยำ และให้ผลผลิตสูง ประหยัดพื้นที่ สะดวกต่อผู้เพาะเลี้ยง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ลงทุนเลี้ยงจิ้งหรีดด้วยนวัตกรรมอย่างมืออาชีพ 2 ปี คืนทุน 3 ปี ทำกำไรสามารถผลิตจิ้งหรีดได้ 2 ตันต่อเดือน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันกระแสการตอบรับอาหารแห่งอนาคตมาแรงทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนทำให้มีการขยายตัวของห่วงโซ่อาหารในส่วนของต้นน้ำ โดยมีผู้ผลิตไข่ผำขึ้นมาใหม่ในช่วง 1-2 ปี และ ได้รับความสนใจจากชาวต่างประเทศ ขณะที่จิ้งหรีดยังเป็นแมลงดาวเด่นในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประเทศอินโดจีน โดยพบว่าเมนูจิ้งหรีดสามารถให้คุณค่าทางอาหารที่มีโปรตีนสูงถึง 70% จึงมีการคาดการณ์ในกลุ่มนักวิจัยไทยว่า หากในอนาคตราคาหมูแพง และ คนไทยเข้าถึงแหล่งอาหารโปรตีนได้ยาก การหาเมนูทดแทน โดยส่งเสริมให้มีการบริโภคจิ้งหรีด จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเป็นนโยบายของภาครัฐ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงแหล่งอาหารด้านโปรตีนได้ง่าย ในราคาที่ไม่แพง
ขอบคุณข้อมูล www.creativeecon.asia และ ทีมงานนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี