แห่เก็บหอยตะเภาหรือหอยท้ายเภาที่หาดปากเมง อ.สิเกา จ.ตรัง กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะช่วงเย็นหลังน้ำทะเลลดลงต่ำสุด ซึ่งช่วงนี้ของทุกปีเป็นฤดูกาลหาหอยตะเภา มีแม่ค้ามารับซื้อกิโลกรัมละ 300-350 บาท
2 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชายหาดปากเมง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวทั้งในตำบลไม้ฝาดและตำบลใกล้เคียงกว่า 1,000 คนต่อวัน ใช้เวลาว่างช่วงเช้าและเย็นหลังน้ำทะเลลดลงต่ำสุด แห่ไปเก็บหอยตะเภาหรือหอยท้ายเภา ซึ่งเป็นหอยสองฝา ลักษณะเหมือนเรือสำเภา ซึ่งฝังตัวอยู่ใต้พื้นทรายที่มีระดับความลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร
โดยใช้เพียงอุปกรณ์ท่อพีวีซีปลายแหลมหรือไม้ปลายแหลมที่มีความยาว 1.20-1.50 เมตร ก่อนจะสังเกตดูรูของหอยตะเภา ซึ่งมีรูเล็ก ๆ อยู่คู่กันจำนวน 2 รู จากนั้นจึงใช้อุปกรณ์งัดขึ้นมาอย่างง่ายดาย ซึ่งตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน-เดือนธันวาคมของทุกปี รวมเวลาประมาณ 3 เดือน จะเป็นฤดูกาลหาหอยตะเภาของชาวบ้าน ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดแนวชายหาด ซึ่งในช่วงเย็นชาวบ้านจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามอีกด้วย
สำหรับแหล่งหาหอยตะเภาเริ่มตั้งแต่บริเวณท่าเรือปากเมงไปจนถึงหน้าเขื่อนหาดปากเมง ระยะทางยาวกว่า 6 กิโลเมตร ส่วนหนึ่งนำไปทำอาหารรับประทานในครัวเรือน และอีกส่วนหนึ่งนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อในราคากิโลกรัมละ 300-350 บาท ซึ่งที่หาดปากเมงเคยมีการจัดงานวันอนุรักษ์หอยตะเภา ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมากินหอยตะเภาถึงแหล่งที่ได้ชื่อว่า มีหอยตะเภามากที่สุดใน จ.ตรัง จนมีการทำประติมากรรมรูปหอยตะเภาไว้ริมชายหาด จนกระทั่งเจอปัญหาโรคโควิดระบาด จึงหยุดการจัดงาน
ซึ่งหอยตะเภาจะพบมากที่สุดในช่วงข้างขึ้น 13 ค่ำจนถึงแรม 3 ค่ำ โดยชาวบ้านจะเลือกเก็บเฉพาะหอยที่มีขนาดใหญ่ ได้น้ำหนัก เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์หอยตะเภา โดยนำไปประกอบอาหารได้ทุกชนิด รสชาติเหมือนหอยนางรม แต่ร้านอาหารชายหาดปากเมงไม่นิยมรับซื้อไปปรุงอาหาร เนื่องจากมีราคาสูง
ชาวบ้านที่หามาได้จึงนำไปขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อ เพื่อไปขายต่อให้กับร้านอาหารตามแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ ๆ เช่น จ.กระบี่,ภูเก็ต สงขลาและสุราษฎร์ธานี ทำให้ชาวบ้านที่หาเก่ง ๆ มีรายได้วันละ 300-700 บาท
ด้านนางธรรมภรณ์ หนูศักดิ์ อายุ 45 ปีชาวบ้านหมู่ที่ 4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง กล่าวว่า ตนมาหาหอยตะเภาแบบนี้ทุกปี ซึ่งเมื่อวานนี้คนเยอะมากกว่าวันนี้ แต่ละวันตนหาได้ไม่เยอะประมาณ 20-30 ตัวโดยนำไปขายกิโลละ 300 บาท ซึ่งหาได้ไปอีกหลายเดือนหรือน่าจะถึงช่วงหน้าแล้ง โดยจะหาได้เฉพาะน้ำช่วง 13 ค่ำถึงแรม 3 ค่ำ ซึ่งตนมาหาเฉพาะช่วงเย็น รสชาติอร่อยมาก แต่ตนเลือกที่จะขายมากกว่า เพราะ 1 กิโลมีประมาณ 30-35 ตัวขายได้ถึง 300 บาทแล้ว.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี