ไปดูเกษตรกรเครือข่ายขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเขาชะงุ้ม จังหวัดราชบุรี เปลี่ยนเศษไม้เป็นถ่านชีวภาพใช้เป็นส่วนผสมของวัสดุปลูกผักได้น้ำส้มควันไม้ไว้ไล่แมลงช่วยให้ผักผลไม้ปลอดภัยไร้สารเคมี
พื้นที่บริเวณบ้านส่วนหนึ่งของนายชวัลวิท คล้ายอยู่ อายุ 40 ปีตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เกษตรกรในกลุ่มเครือข่ายขยายผลโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งได้กลายเป็นฐานเรียนรู้การผลิตถ่านชีวภาพและน้ำส้มควันไม้คุณภาพสูง หลังจากที่ได้ล้มลุกคลุกคลานจากการเคยเป็นลูกจ้างหลายองค์กรมาก่อน
ต่อมาได้ผันตัวมาทำอาชีพเกษตรกรในที่ดินมรดกของตนเอง ปลูกพืช ผัก ผลไม้ ไว้กิน ไว้ขายเลี้ยงครอบครัว พยายามศึกษาหาความรู้ในการลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน จนกระทั่งพบการผลิตถ่านชีวภาพ หรือถ่านไบโอชาร์ ซึ่งได้รับความรู้มาจากคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงมาให้ความรู้การผลิตถ่านชีวภาพ ซึ่งเป็นวัสดุที่ช่วยปรับปรุงดิน เพราะมีความเป็นรูพรุนสูง ช่วยกักเก็บน้ำและอาหารในดิน ช่วยในกระบวนการจัดการของเสีย ถ่านสามารถดูดซับสารเคมีโลหะหนักในน้ำและดินได้ดี ทั้งยังมีประโยชน์สารพัดในการนำไปปรับปรุงดิน นอกจากจะได้ถ่านที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังมีน้ำส้มควันไม้ที่สามารถนำไปผสมน้ำฉีดพ่นไล่แมลงศัตรูพืชปลอดภัยจากการใช้สารเคมีในพืชผลการเกษตรอีกด้วย
นายชวัลวิท คล้ายอยู่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานบริษัท เคยทำงานในองค์กรควบคู่ไปกับการทำเกษตร ทำเคมีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์มาตลอด เพื่อให้ผลผลิตดี ได้ลาออกจากการเป็นลูกจ้างมาทำเกษตรแบบเต็มตัว พอทำได้ระยะหนึ่งเกิดผิดพลาดจากราคาผลผลิตตกต่ำ ค่าครองชีพสูงขึ้นจึงหวนกลับไปเป็นลูกจ้างอีกครั้งและพยายามศึกษาด้านเกษตรควบคู่กัน จนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ตรวจสุขภาพในโรงงานพบว่ามีสารพิษในเลือดปริมาณสูง จึงหยุดเรื่องเคมี หันมาศึกษาอินทรีย์ จากที่เคยมีพื้นฐานอยู่แล้วจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นลูกจ้างอีกครั้งกลับมาบริหารพื้นที่ดินบ้านของตัวเอง
เริ่มจากการเพาะทำเห็ดนางฟ้า พัฒนามาเพาะเห็ดฟาง จากทลายปาล์มทดแทนในโรงเรือนขนาดเล็ก ได้เห็ดฟางมีคุณภาพดี แต่มาเจอปัญหาโควิด ร้านค้า ผลผลิตตกต่ำอีก ร้านอาหารถูกสั่งปิด ทำให้การค้าขายได้รับผลกระทบตามไปด้วย ช่วงนั้นได้รู้จักเกษตรกรเครือข่ายโครงการพระราชดำริฯชักชวนให้เข้าร่วมโครงการไปอบรมจนมีความรู้ได้ระดับหนึ่งจึงได้นำสินค้าไปจำหน่ายที่ศูนย์มีรายได้เลี้ยงครอบครัว
เรื่องถ่านไบโอชาร์นั้นเกิดขึ้นในช่วงการระบาดช่วงโควิด 19 ซึ่งก๊าซหุงต้มมีราคาแพง น้ำมันแพง ทางโครงการพระราชดำริฯได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเสนอเรื่องโครงการถ่านชีวภาพมาให้ จึงสนใจเพราะเป็นพลังงานที่ดีซึ่งได้มาจากเศษไม้ เลยตัดสินใจเข้าอบรม การผลิตเตาไบโอชาร์ที่ไม่ต้องไปหาซื้อวัสดุที่มีราคาสูง ผลิตเองและขยายองค์ความรู้สู่ชุมชน
สิ่งที่ได้จากการผลิตจะได้ถ่านไบโอชาร์ที่มีคุณภาพดี ได้น้ำส้มควันไม้ไว้ช่วยดับกลิ่น ไล่แมลง ยับยั้งเชื้อรา ยังมีน้ำมันเตานำมาใช้ทากันมอด ทากันสนิม เป็นเชื้อเพลิงนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อนาคตมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะขยายโครงการนี้ต่อไป เพราะในพื้นที่ตามหลักทำการเกษตรเพื่อสร้างอาหาร ไม่ได้ทำเกษตรเพื่อค้าขายให้ร่ำรวย แต่ต้องเริ่มมาจากอาหารก่อน เพราะประสบการณ์จากการเจอภัยพิบัติ เราไม่มีอาหารเกิดการลำบาก ที่บ้านมีไข่ไก่ ผัก ผลไม้ จึงไม่เดือดร้อน มีความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค
สำหรับการผลิตถ่านชีวภาพใช้เศษไม้ที่หาได้ในบริเวณบ้านเรือน นำมาตัดเป็นท่อนใส่ลงไปในเตาจากด้านล่างขึ้นมาถึงด้านบนแล้วจึงปิดฝา จากนั้นนำทรายมาโรยไว้ด้านบน จุดไฟด้านล่าง การเผาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นจะใช้น้ำปล่อยเข้าไปในสายหล่อเลี้ยงท่อข้างถังไว้ตลอดเวลาเพื่อจะได้น้ำส้มควันไม้ที่ค่อยๆ หยดออกมาประมาณ 3 ลิตรต่อการเผาแต่ละครั้งทิ้งไว้ประมาณ 5-7 ชั่วโมงเพื่อให้ถ่านด้านในเย็นลง การเผาแต่ละครั้งจะได้ถ่านประมาณเกือบ 20 กิโลกรัม ถ่านเราจะบดและนำไปผสมเป็นวัสดุปลูก ส่วนน้ำส้มควันไม้นำไปผสมน้ำเพื่อช่วยไล่แมลงในแปลงเกษตร ปลอดภัยจากการใช้สารเคมี มีสุขภาพดีทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค
ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่นายชวัลวิท คล้ายอยู่ เบอร์ 092-6694841 - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี