ชาวบ้านตำบลเขาไพร อ.รัษฎา จ.ตรัง รวมกลุ่มเสี่ยงตายเลี้ยงต่อหัวเสือขาย สร้างรายได้นับแสนบาทต่อปี เผยเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย แถมยังสามารถผสมพ่อแม่พันธุ์เอง ลดการเผาหรือจับจากธรรมชาติ
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ที่ 2 ต.เขาไพร อ.รัษฎา จ.ตรัง ชาวบ้านในเครือญาติ 4-5 คนรวมกลุ่มกันเลี้ยงต่อหัวเสือกว่า 50 รัง เพื่อจับตัวอ่อนขายในราคากิโลกรัมละ 800 บาท สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว นอกเหนือจากอาชีพกรีดยางพารา โดยได้เลี้ยงต่อหัวเสือมาประมาณ 15-16 ปีแล้ว แต่ปีนี้สามารถจับพ่อแม่พันธุ์มาผสมให้เป็นนางพญาได้ โดยไม่ต้องไปเผาทำลายหรือจับมาจากป่าธรรมชาติ ซึ่งใน 1 ปีสามารถจับตัวอ่อนของต่อหัวเสือขายได้แค่ 2 ครั้งคือครั้งที่ 1 ในเดือนกรกฎาคม-กันยายน และครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงหลังฤดูผสมพันธุ์ของต่อหัวเสือทำให้มีลูกอ่อนจำนวนมาก โดยต่อหัวเสือที่จับมาได้ จะต้องใช้แหนบค่อย ๆ ดึงออกมาจากรังทีละตัว ซึ่งจะได้ทั้งตัวอ่อนและลูกใบ้(ตัวต่อที่เพิ่งมีปีก) นำมาทำอาหารได้สารพัดเมนู ทั้งคั่วเกลือ ผัดกะทิ ลาบและอื่น ๆ ก่อนจะนำรังเปล่าไปร้อยด้วยลวดแล้วนำไปแขวนกลับไว้ที่เดิม ไม่ถึง 2 วันต่อหัวเสือก็จะประสานรังให้ต่อติดกันโดยไม่ต้องสร้างรังใหม่ ทำให้สามารถวางไข่ได้เร็วขึ้น ส่วนเกษตรกรก็จับตัวอ่อนขายได้มากขึ้น ซึ่งแต่ละรังจะมีลูกต่อหัวเสือน้ำหนักตั้งแต่ 2.5 -5 กิโลกรัมเลยทีเดียว
ซึ่งแต่ก่อนชาวบ้านมักจะไปเผารังต่อหัวเสือในป่าธรรมชาติ ทำให้พ่อแม่พันธุ์ตายเกลี้ยง แต่หลังจากที่มีการศึกษาและทดลองนำต่อหัวเสือมาเลี้ยง ด้วยการให้กินเนื้อไก่ เนื้อปลาและน้ำสะอาด จนตัวต่อสามารถออกหาอาหารกินเองได้ จึงมีต่อหัวเสือเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทำให้ลดการเผาทำลายรังต่อ ไม่ต้องปีนขึ้นต้นไม้สูงซึ่งเสี่ยงอันตรายมาก นอกจากนี้ เกษตรกรยังค้นพบวิธีการขยายพันธุ์ต่อหัวเสือ ด้วยการจับพ่อแม่พันธุ์มาขังไว้ในมุ้งเดียวกัน หลังจากจับคู่ผสมพันธุ์เสร็จ ก็จะแยกพ่อแม่พันธุ์ไปเลี้ยงไว้ในรังเล็ก ๆ ที่เกษตรกรสร้างขึ้นมา ใช้เวลาประมาณ 7 เดือน ตัวต่อก็จะขยายรังให้ใหญ่ขึ้นจนมีรังต่อหัวเสือพร้อมขายที่มีตัวอ่อนรังละ 3-5 กิโลกรัมเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามต่อหัวเสือลูกใบ้ ที่เพิ่งกลายเป็นตัวต่อ และต่อหัวเสือพ่อแม่พันธุ์ที่อยู่ระหว่างการผสมพันธุ์จะไม่ดุร้าย แม้จะมีพิษแต่ก็รุนแรงน้อยกว่าต่อหัวเสือธรรมดามาก โดยอาหารที่นิยมใช้ตัวอ่อนต่อทำ อาทิ ตัวต่อผัดกะทิ ผัดพริก ผัดเกลือ เป็นต้น โดยลูกต่ออ่อนยอมรับว่าจับเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย เพราะมีลูกค้าจากจ.ตรังและจังหวัดใกล้เคียงสั่งจองไว้หมดแล้ว และถึงแม้จะเป็นอาชีพที่อยู่บนความเสี่ยงสูง แต่ก็สร้างรายได้ให้เกษตรกรในกลุ่มนับแสนบาทต่อปี ส่วนใครสนใจอยากจะศึกษาดูงาน สามารถติดต่อได้ทางfb ณรงค์ ก่อสกุลหรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 085-7906414
ด้านนายณรงค์ ก่อสกุล ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงต่อหัวเสือ จ.ตรัง กล่าวว่า หลังผ่านโควิดมาเริ่มทำอีกครั้งในปีนี้จำนวน 5 ครัวเรือนหรือประมาณ 50 รัง ส่วนของตนอยู่ที่ 2-3 ครั้งต่อรังต่อปี ถ้าเป็นรังใหญ่เต็มที่จะได้ลูกต่อประมาณ 2-3 กิโลกรัม ผลตอบรับดีมาก รวมกันแล้ว 2 ครั้งที่จับได้ลูกต่อเกือบ 4 กิโล แต่ถ้ามีรังที่สมบูรณ์ก็จะได้ถึง 5 กิโลกรัม ส่วนรายได้พอได้เสริมกับรายจ่ายขณะที่ผลผลิตถือว่าไม่เพียงพอต่อลูกค้า ขณะนี้มีการเพาะแม่พันธุ์เองเพื่อนำไว้ไปเลี้ยงต่อในปีหน้า อย่างไรก็ตามตัวอ่อนต่อหัวเสือสรรพคุณมีแคลเซียม โดยคนสมัยก่อนใช้รักษาโรคหอบหืดให้หาย ช่วยบำรุงสายตา
ขณะที่นายสุริยัน ก่อสกุล อายุ 39 ปีผู้เป็นหลานและเป็นเกษตรกรที่เลี้ยงต่อหัวเสือมากที่สุดในอำเภอรัษฎาหรือกว่า 20 รัง กล่าวว่า ตนเลี้ยงและศึกษามานาน 15 ปีแล้ว ชอบตั้งแต่การเริ่มค้นหารังและเก็บตัวอ่อนมากินและเกิดประโยชน์กับครอบครัว เชื่อว่าตัวอ่อนมีโปรตีนเยอะจึงเอามาให้ลูก ๆ ได้ทาน ซึ่งตอนนี้เลี้ยงกันอยู่ 50 รัง แต่ละปีจับแค่ 2 ครั้งช่วงกรกฎาคม-กันยายนและตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ปีนี้เพิ่งเริ่มจับหลังโควิดทั้ง 50 กว่ารัง ได้น้ำหนัก100 กว่ากิโล หรือเกือบ 1 แสนบาท ส่วนตนยังไม่เคยโดนต่อต่อย สำหรับชั้นของตัวต่อที่เอาลูกอ่อนออกมาแล้วจะนำไปใส่กลับไว้ที่เดิมโดยร้อยกับลวด รออีก 1 เดือนก็จับใหม่ได้ ส่วนเทคนิคการจับพ่อแม่พันธุ์มาผสมเอง ได้ศึกษามานาน 4-5 ปีแล้ว เริ่มจากศึกษาตัวอ่อนที่ออกมาจากรัง แล้วเก็บมาทดลองเลี้ยง ให้กินน้ำหวาน จึงรู้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เมื่อเห็นมันผสมพันธุ์จึงศึกษาต่ออีก 3-4 ปีจนมาถึงจุดที่ผสมพันธุ์และเพาะแม่พันธุ์ได้ด้วย ---017
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี