ถือเป็นบุคคลสาธารณะคนหนึ่ง สำหรับ นายสามารถเจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะได้นำผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงต่างๆหลายร้อยคนไปร้อง และสอบถามความคืบหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลหลายรอบ

ทั้งห่วงใยกับการทำงานของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน เกี่ยวกับการดำเนินคดีฉ้อโกง ที่ยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในการปราบปรามการทุจริต และมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนผู้เสียหายในคดีที่ถูกฉ้อโกง รวมถึงมาตรการในการที่จะแก้ปัญหาแชร์ลูกโซ่

รัฐบาลเองกลับไปให้ความสำคัญกับการแจกเงินดิจิทัล ที่ว้าวุ่นอยู่ในขณะนี้เพราะมีแนวโน้มต้องเลื่อนออกไปก่อน

นายสามารถ ยังได้ตั้งทฤษฎีทางการเงินใหม่ ต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้กำลังเกิดคือ “ภาวะเงินหาย” เนื่องจากไม่มีเงินหมุนเวียนในระบบ ยกตัวอย่าง คดีฉ้อโกงบางคดี 10 ปีแล้ว ผู้เสียหายยังไม่ได้เงินคืน เพราะติดเรื่องการอายัดเงิน และว่ารัฐบาลต้องการคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนด้วยการแก้ปัญหาเรื่องกระบวนการทั้งเรื่องของโทษทางอาญาที่ต้องรวดเร็วยิ่งขึ้น

พร้อมกับเร่งรัดติดตามเงินที่ถูกฉ้อโกงกลับมาให้ได้ ประเทศไทยจะมีเงินหมุนเวียน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็จะเกิดตามมาอย่างแน่นอน

“เรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นจุดอ่อน เพราะสุดท้ายเงินของประชาชนก็ถูกฉ้อโกงไปแล้ว มันถูกเอาออกนอกประเทศ ความมั่นคงของประเทศ ด้านเศรษฐกิจนั้นมันจะหายไป มันไม่ใช่เฟ้อ ไม่ใช่ฝืด แต่เป็นภาวะเงินหาย”

หมายความว่า กระบวนการไม่ว่าจะเป็นพนันออนไลน์ แชร์ลูกโซ่ คอร์รัปชั่น คนเหล่านี้ซ่อนเงินหมดครับ หรือนายกฯเอาง่ายๆ เลย เปลี่ยนแบงก์ครับ เปลี่ยนแบงก์พัน ฉะนั้นใครที่เก็บเงินไว้อยู่จะต้องเอาเงินเข้าสู่ระบบ อย่างนี้ท่านจะจัดเก็บภาษีได้ เงินมันกลับมาอยู่ในระบบแล้ว แต่วันนี้มันไม่อยู่ในระบบครับ

เกี่ยวกับเรื่องการฉ้อโกงนี้วันก่อน นายวิทยานีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบว่ามีบัญชีม้าในระบบธนาคารจำนวนมากถึง 200,000-500,000 บัญชีจากบัญชีธนาคารในประเทศทั้งหมดกว่า 121,000,000 บัญชี ปปง. จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหามาตรการควบคุมการเปิดบัญชีม้า

ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายของการฉ้อโกง

ขณะที่ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรยื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อร้องเรียนกรณีการเล่นพนันออนไลน์ที่แพร่หลาย รวมทั้งผู้ทำผิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งพบว่า ปัจจุบันยังมีการเล่นพนันออนไลน์ 7 เว็บไซต์การพนันรายใหญ่ รวมถึงบัญชีม้า เพื่อลากคอผู้บงการมาเข้าคุก

เพราะการพนันออนไลน์ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 300,000 ล้านบาท

ก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันแก้ไขปัญหาภาวะเงินหาย ให้เข้าระบบ ก็สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้