เหลืออีกไม่กี่วัน จะเข้าสู่เทศกาลออกพรรษา จึงพบเห็นตามวัดต่างๆมีการทำความสะอาด ตกแต่ง บริเวณภายในวัดให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อรองรับพุทธศาสนิกชน ญาติโยมทั้งหลาย เดินทางเข้ามาทำบุญและเตรียมจัดงานบุญสำคัญในแต่ละหมู่บ้านอย่างคึกคัก
และที่วัดหนองปลิง เช่นกัน ได้มีคณะกรรมการวัดและพุทธศาสนิกชน จำนวนหนึ่ง ร่วมกัน ทำความสะอาด ตัดแต่ง ปรับปรุง พัฒนาภายในวัดหนองปลิงทุกวัน จนกว่าจะถึงวัดออกพรรษา คือ วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2566 เพื่อเตรียมรับพุทธศาสนิกชน ที่จะเข้ามาทำบุญ จัดกิจกรรมทางศาสนา ให้มีความพร้อมเต็มที่
สำหรับ วัดหนองปลิง ตั้งอยู่ บ้านหนองปลิง ต.นาจิก อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมืองอำนาจเจริญ ห่างตัวเมืองอำนาจเจริญประมาณ 12 กิโลเมตร โดยมีเจ้าอาวาสวัดหนองปลิง ปกครองพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ไม่มีสามเณรและแม่ชี มรรคนายก 2 คน สังกัด มหานิกาย บนเนื้อที่ 12 ไร่ เป็นที่ตั้ง อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎิ เป็นต้น
สำหรับ วัดหนองปลิง เป็นวัดเก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี ก่อนนั้น ตั้งอยู่ป่าช้า ห่างจากหมู่บ้านหนองปลิงประมาณ 3 กิโลเมตร ทางด้านทิศตะวันออก ต่อมาเกิดโรคระบาดฝีดาษ ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงต้องย้ายวัดหนองปลิง มาอยู่โคก(เนิน)หนองปลิง ใกล้หนองน้ำ มีปลิงในน้ำเยอะมาก จึงเรียกว่า หนองปลิง เมื่อหมู่บ้านและวัดมาตั้งอยู่ใกล้หนองน้ำ ก็เรียกชื่อตามหนองน้ำ ว่า บ้านหนองปลิง และวัดหนองปลิง กระทั่งปัจจุบัน ซึ่งโรคฝีดาษ ก็หยุดการระบาดด้วย ส่วนที่ตั้งหมู่บ้านเดิม กลายเป็นป่าช้า ในปัจจุบัน
หลังจากเจ้าอาวาสวัดหนองปลิง เรียนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ ชั้นประถมปีที่ 4 ก็บวชเป็นสามเณร ต่อมา บวชเป็นพระ และได้เดินธุดงธ์ ปฏิบัติธรรม แสวงหาความรู้ด้านพระธรรมเพิ่มเติม โดยข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา จำพรรษา ที่ภูเขา ในถ้ำช้าง เรียนรู้แลกเปลี่ยนพระธรรมวินัยกับพระเขมร อยู่หลายปี และเดินธุดงส์โปรดสัตว์อยู่ดินแดนกัมพูชาต่ออีกเกือบ 20 ปี จึงข้ามมาฝั่งประเทศไทย ซึ่ง ได้เดินธุดงส์ไปเรื่อยๆในภาคอีสาน จนกระทั่งมาปักกด จำพรรษา อยู่ที่หมู่บ้านขมิ้น อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ต่อมา ญาติโยม บ้านหนองปลิง ทราบว่า มาจำพรรษาที่บ้านขมิ้น ก็เลยนิมนต์กลับไปอยู่วัดหนองปลิง บ้านเกิด ซึ่งช่วงนั้น วัดหนองปลิง ไม่มีเจ้าอาวาสวัด จึงไม่ปฏิเสธ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองปลิงจนถึงปัจจุบัน
ด้วยแรงศรัทธาของชาวหนองปลิง และต้องการให้มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ และเป็นสถานที่จัดงานสำคัญทางศาสนา เป็นศูนย์รวมทางใจ ศูนย์รวมของความสามัคคีปรองดองของคนในหมู่บ้าน พุทธศาสนิกชน ญาติโยม ทั้งหลาย จึงได้มีการบริจาคทุนทรัพย์คนละเล็กคนละน้อย ก่อสร้างพระพุทธรูปเทพประทานพร ขึ้น ที่ ความสูง 20 เมตร หน้าตักกว้าง 6 เมตร มีธรรมจักรอยู่ด้านหลังและทำเป็นชฎาอยู่เหนือศรีษะอย่างสวยงาน โดยก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ.2534 และถือเอาวันสงกรานต์ที่ 13 เมษายน ของทุกปี เป็นวันจัดงานบุญประจำปี นมัสการพระเทพประทานพร ซึ่ง ลูกหลานที่ทำงานอยู่กรุงเทพหรือต่างจังหวัด จะพร้อมใจกันจัดทำผ้าป่าสามัคคีมาทอดที่วัดหนองปลิง เพื่อหาเงินเข้าวัดบำรุงพุทธศาสนา เป็นประจำทุกปี พร้อมกับก่อสร้างรูปปั้น หลวงปู่กำ เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง องค์แรก ไว้เป็นที่เคารพศรัทธา ที่หน้า อุโบสถอีกด้วย
นอกจากนี้ ด้านทิศเหนือภายในวัด หลังกุฎิเจ้าอาวาสวัดหนองปลิง ยังมีหนองน้ำ(สระน้ำ)ขนาดกลาง เรียกว่า หนองปลิง ไว้ให้พุทธศาสนิกชน ญาติโยม เข้ามาทำทาน ปล่อยสัตว์น้ำต่างๆ และให้อาหารปลา ซึ่งกำหนดเป็นเขตอภัยทานด้วย
เจ้าอาวาสวัดหนองปลิง เทศนาตอนหนึ่งว่า ถ้าจะเรียกว่า คน มันก็สับสนวุ่นวาย ไม่สิ้นสุด เหมือนกับคนอาหารในหม้อ หากจะเรียกว่า มนุษย์ จะต้องอยู่เหนือคน คือ ไม่สับสนวุ่นวาย มีความพอดี ที่ทุกวันนี้ ยังมีสิ่งยุ่งๆ สับสนวุ่นวาย เห็นประโยชน์ตัวเองเป็นสำคัญ คงยังเป็นคนอยู่ ยังไม่เป็นมนุษย์ ถ้าเป็น มนุษย์แล้ว สิ่งต่างๆก็จะไม่มี ไม่เกิดขึ้น จะให้เป็นมนุษย์นั้นไม่ยาก ให้ยึดหลัก คำสอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่ตั้ง แล้ว เรื่องอื่นๆ อุปสรรคต่างๆก็ไม่เกิดขึ้นและหมดไป
พระอาจารย์ ทองพูน ชี้ให้ดูลายกนกลวดลายต่างซึ่งประดับอยู่อุโบสถแล้ว กล่าวว่า หากมองดูพินิจพิเคราะห์ลวดลายในอุโบสถ ช่างอ่อนช้อยสวยงามเหลือเกิน ก็จะทำให้จิตใจของเราเพลิดเพลินเจริญตา ความทุกข์ ความโศก ความเศร้า ในจิตใจ ก็จะมลายหายไปด้วย สิ่งที่ทำให้เรา มีความทุกข์ ก็เพราะอยากได้ อยากเป็น และเห็นแก่ตัวกันมาก ถ้าลดความอยาก ความเห็นแก่ตัวลงได้ ชีวิตก็จะเป็นสุข และที่สำคัญ ทรัพย์สินเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา แม้แต่ร่างกายของเรา ยังไม่ใช่ของเรา ตายไปเหลือแค่ผงธุลี ความดีเท่านั้นที่คงอยู่ตลอดไป...
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี