ผศ.ดร.อภิชัย พลชัย
การปลดล็อก“พืชกระท่อม”ออกจากบัญชียาเสพติดของประเทศไทย ทำให้เกิดโอกาสใหม่สำหรับเกษตรกรในการปลูกกระท่อมเพื่อส่งต่อให้ผู้ผลิตนำสารสกัดไปเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการคัดคุณภาพจะต้องส่งใบกระท่อมไปตรวจสอบด้วยวิธีมาตรฐาน HPLC ซึ่งมีราคาแพงและใช้เวลารอผลนาน
แต่ล่าสุด ได้มีผู้คิดค้นชุดตรวจสอบอย่างง่ายออกมาจำหน่ายในราคาไม่แพง โดยเกษตรกรสามารถซื้อและนำไปตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง
ดร.นำโชค โสมาภา ประธานกรรมการบริษัทและที่ปรึกษา บริษัท มาสเตอร์ แล็บส์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (MASTER LABS INCORPORATION CO., LTD.) กล่าวว่า ทางบริษัทได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ในการนำผลวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ มาผลิตเป็นชุดทดสอบอย่างง่าย สำหรับการวัดปริมาณสารไมทราไจนีน(Mitragynine) ในใบกระท่อม ซึ่งสารดังกล่าวนี้เป็นสารสำคัญในใบกระท่อมที่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์กระท่อมจำเป็นต้องควบคุมปริมาณในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกระท่อม เมื่อมีการแปรรูปไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ดร.นำโชค กล่าวต่อว่า ชุดทดสอบดังกล่าวเป็นชุดที่ใช้งานง่าย ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญ สามารถตรวจสอบ ณ จุดที่ต้องการ และทราบผลเร็วภายใน
15 นาที อีกทั้งราคาจำหน่ายต่อชุดเพียงชุดละ 400 บาทซึ่งเมื่อเทียบกับการทดสอบสารไมทราไจนีนด้วยวิธี HPLC แล้วจะถูกกว่ากันถึง 90% และใช้เวลาเร็วกว่าการทดสอบด้วยวิธี HPLC อย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการดำเนินการได้อย่างมีนัยสำคัญ
“บริษัทมั่นใจว่าการนำชุดตรวจสารไมทราไจนีนอย่างง่ายนี้ไปใช้ในกระบวนการรับซื้อและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม จะช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมพืชกระท่อมมีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และมีมาตรฐานพร้อมเป็นพืชเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหม่ที่ยั่งยืนต่อไป” ดร.นำโชค กล่าว
ดร.นำโชค โสมาภา
สำหรับผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ทางโทรศัพท์ 064-2536250 อีเมล contact@masterlabs-inc.com หรือไลน์ @masterlabs
ขณะที่ ผศ.ดร.อภิชัย พลชัย สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ชุดทดสอบสารไมทราไจนีนนี้ เป็นการทดสอบสารอัลคาลอยด์รวมจากพืชกระท่อม (total alkaloid content in kratom) โดยอาศัยการเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสีเมื่อสารไมทราไจนีน (สารอัลคาลอยด์หลักในพืชกระท่อม) ทำปฏิกิริยากับน้ำยาเคมีในเซ็นเซอร์ทดสอบ แล้วนำสีที่เปลี่ยนแปลงมาเทียบกับแถบสีมาตรฐานเพื่ออ่านค่าความเข้มข้นของสารไมทราไจนีนจากตัวอย่างทดสอบ หน่วยเป็น มิลลิกรัมต่อลิตร
ชุดทดสอบดังกล่าวมีวิธีการใช้ที่ไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลาในการทดสอบไม่เกิน 15 นาที ใช้กับกระท่อมผง กระท่อมบดหยาบ และเครื่องดื่มกระท่อม เท่านั้น และกำลังวิจัยให้สามารถใช้กับใบกระท่อมสดได้ในอนาคต
สำหรับวิธีการตรวจสอบเริ่มจากนำช้อนที่มากับชุดตรวจตักผงหรือใบกระท่อมแห้งบดประมาณ 10 มก. หรือ ของช้อน ใส่ลงในหลอดผสม แล้วเขย่าให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ 3 นาที จากนั้นนำหลอดหยดดูดสารสกัดที่จะใช้ทดสอบ หยดลงในหลอดเซ็นเซอร์ทดสอบ ตั้งทิ้งไว้ 15 นาที โดยไม่ต้องเขย่า
ส่วนการแปลผล ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีโดยเทียบค่าตามแถบสีที่มีในชุดตรวจ ยิ่งเข้มมาก ปริมาณของสารไมทราไจนีนยิ่งมาก หากไม่พบการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าไม่พบสารไมทราไจนีน ซึ่งในต่างประเทศใช้การวัดคุณภาพมาตรฐานด้วยการวัดค่าสารไมทราไจนีน หรือเพื่อแยกแยะคุณภาพของผลิตภัณฑ์แปรรูปกระท่อม
ผศ.ดร.อภิชัย กล่าวว่า นักวิจัยจาก ม.อ. ได้เล็งเห็นประโยชน์จากการใช้ชุดทดสอบในการวัดปริมาณสารไมทราไจนีนในผลิตภัณฑ์แปรรูปกระท่อม ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย และพืชกระท่อมเป็นพืชที่มีการปลูกและมีการบริโภคอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในภาคใต้ของประเทศไทย ม.อ. ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับกระท่อมมากที่สุดในประเทศไทย จึงให้การสนับสนุนงานวิจัยอย่างเต็มที่
“โดยชุดทดสอบนี้นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย และเป็นที่แรกๆ ของโลกที่มีการทดสอบเชิงกึ่งปริมาณสารไมทราไจนีนด้วยชุดทดสอบอย่างง่าย สามารถทราบผลได้อย่างรวดเร็ว และเป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการทดสอบ ซึ่งในอนาคตจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม ผู้ส่งออก รวมถึงผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าว” ผศ.ดร.อภิชัย กล่าว
ปัจจุบันตลาดกระท่อมที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าประมาณการทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท และมีผู้บริโภคมากถึง 15 ล้านคน โดยมีประเทศอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีการส่งออกกระท่อมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีมูลค่าทางการตลาดรวมอยู่ที่ 6,100-10,000 ล้านบาท ซึ่งการปลดล็อกหพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดของประเทศไทย จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับเกษตรกร ผู้แปรรูป รวมถึงผู้ส่งออกกระท่อม
โดยสารสกัดจากพืชใบกระท่อมที่สำคัญ คือ สารไมทราไจนีน (Mitragynine) ซึ่งเป็นกลุ่มสารที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจ ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มได้ แต่การจะนำสารสกัดจากกระท่อมไปใช้หรือแม้กระทั่งส่งออกผลิตภัณฑ์กระท่อมแปรรูป จำเป็นต้องมีการตรวจวิเคราะห์สารสำคัญให้ตรงตามมาตรฐาน เพื่อการนำสารสำคัญไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดโทษ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี