พระนอนทรงเทริดมโนราห์ในวัดภูเขาทอง ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นพระนอนหนึ่งเดียวในไทยและหนึ่งเดียวในโลก สร้างขึ้นสมัยพระนางเลือดขาว ได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุโบราณสถานตั้งแต่ปี 2475 โดยวัดนี้ต้องคำสาปห้ามมีเมรุเผาศพและมีหินงอกหินย้อยรูปเจ้าแม่กวนอิมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สร้างความฮือฮาให้กับพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก
ที่วัดภูเขาทอง หมู่ที่ 1 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง มีพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย เมื่อปี พ.ศ.1200-1300 เป็นพระนอนสีหไสยาสน์ ทรงเทริดมโนราห์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเพียงหนึ่งเดียวในประเทศและหนึ่งเดียวในโลก ที่มีความยาว 8.52 เมตร และความกว้าง 2.85 เมตรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2475 ก่อนการประกาศเป็นวัดภูเขาทอง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนที่มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศ หลั่งไหลกันไปกราบไหว้ไม่เว้นแต่ละวัน
สำหรับประวัติความเป็นมาของการสร้างพระนอนทรงเทริดมโนราห์องค์นี้มาจากพระนางเลือดขาว มเหสีของเจ้าเมืองพัทลุง ที่ได้ขนทรัพย์สมบัติต่างๆ จาก จ.พัทลุง เพื่อไปร่วมสร้างวัดพระบรมธาตุเมืองนคร จ.นครศรีธรรมราช โดยการเดินเท้าและได้แวะพักค้างแรมตามถ้ำต่างๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าถ้ำวัดภูเขาทอง ก็ทราบว่าพระธาตุเมืองนครสร้างเสร็จแล้ว พระนางเลือดขาวที่นำคณะมโนราห์มารำถวาย จึงตัดสินใจนำทรัพย์สมบัติทั้งหมด ไปฝังไว้ในถ้ำวัดภูเขาทอง ก่อนจะให้คณะมโนราห์สร้างพระนอนสีหไสยาสน์ ปิดปากถ้ำไว้ จึงได้มาเป็นพระนอนทรงเทริดมโนราห์ เพื่อระลึกถึงฝีมือการปั้นของคณะมโนราห์ในสมัยนั้น ซึ่งแต่เดิมเป็นโครงไม้ ปั้นด้วยดินเหนียวผสมปูนขาว
ต่อมามีการโบกทับด้วยปูน เพื่อปิดทองในองค์พระ โดยหลายปีต่อมาก็มีหินงอกหินย้อยไหลลงมาปิดปากถ้ำอีกที ส่วนองค์พระนอนได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรในปี 2504 และ 2543 จนเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนพระนอนทรงเทริดมโนราห์เชื่อกันว่า ใครมาอธิษฐานขอสิ่งใด ทั้งโชคลาภ บารมี หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หากประพฤติดี ปฎิบัติดีมักจะได้ตามคำขอทุกราย
วัดภูเขาทองยังต้องคำสาปจากอดีตเจ้าอาวาสฯไม่ให้สร้างเมรุเผาศพ แต่ให้ใช้เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมเท่านั้น แต่เมื่อพระครูภาวนาสมาธิคุณหรือหลวงเล็ก อดีตเจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง รูปต่อมามรณภาพลง ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างเมรุเผาศพขึ้น ปรากฏว่าสร้างได้เพียง 2-3 วันก็มีการฆ่ากันตายในวัดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดภูเขาทองจึงไม่มีการก่อสร้างเมรุเผาศพอีกเลย
นอกจากนี้ ยังพบว่าที่หน้าผาข้างพระนอนทรงเทริดมโนราห์ มีหินงอกหินย้อยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีรูปร่างคล้ายกับเจ้าแม่กวนอิมด้วย โดยเมื่อเศรษฐีคนหนึ่งมาพบเข้า จึงได้นำรูปเจ้าแม่กวนอิมมาประดิษฐานไว้คู่กัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันก็ยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้น
แม่ชีมะลิวัลย์ แก้วมี อายุ 72 ปี ซึ่งบวชชีที่วัดแห่งนี้มา 21 ปีแล้ว เล่าว่า เหตุที่ได้สร้างพระองค์นี้ขึ้นในสมัยศรีวิชัย พระนางเลือดขาวภรรยาเจ้าเมืองพัทลุง ก่อนจะถึงช่วงเดือนสิบ เดินเท้ามาจากพัทลุง มีเพิงผาตรงนั้นก็พักที่ตรงนั้น และมีการรำมโนราห์ คนที่มาดูมโนราห์ได้ช่วยกันทำบุญ เมื่อเดินมาถึงหน้าผาวัดภูเขาทองตรงนี้ก็ได้ปั้นพระองค์นี้ด้วยดินเหนียว โครงไม้ไผ่ โดยศีรษะทรงเทริดมโนราห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทางใต้ และระลึกถึงคณะมโนราห์
เมื่อพระนางเลือดขาวกลับไป ชาวบ้านเห็นจึงเอาปูนมาโบกทับอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมเทริดเป็นเทริดไม้ ต่อมามีหลวงพ่อปาน อดีตเจ้าอาวาสวัดน้ำผุด ได้เข้าไปในถ้ำเพียงรูปเดียว ไปเจอเสือโคร่งกับงูจงอางเฝ้าอยู่ จึงออกมาประชุมชาวบ้านให้ช่วยกันปิดปากถ้ำทับไว้อีกชั้น กลัวคนโลภจะเข้าไปตาย ซึ่งด้วยเวลาที่ผ่านไปนานหลายปี ทำให้มีหินย้อยจากภูเขาไหลมาปิดทับปากถ้ำจนกลายเป็นภูเขา
นอกจากนี้ หลวงพ่อปานยังสั่งห้ามไม่ให้สร้างเมรุเผาศพ แต่ให้เป็นวัดที่ปฎิบัติธรรมเท่านั้น ต่อมาพระครูภาวนาสมาธิคุณหรือหลวงเล็ก ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาทองมานานหลายปี เกิดมรณภาพลง ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างเมรุเพื่อเผาศพหลวงเล็กขึ้น แต่สร้างได้ 2-3 วันก็เกิดเหตุฆ่ากันตายในวัดในขณะที่มีงานศพ ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีการสร้างเมรุเผาศพมาจนถึงปัจจุบัน
โดยพระองค์นี้ถ้าใครได้มากราบก็จะได้ชื่อว่ามากราบพระที่มีเพียงหนึ่งเดียวในไทย หนึ่งเดียวในโลก ซึ่งชาวบ้านจะมาบนบานสิ่งที่มีทุกข์อยู่ในใจ ส่วนตนได้ประสบกับตัวเอง สมัยที่มาบวชใหม่ ๆ ได้สัก 3 ปี เกิดป่วยเป็นโรคกระดูกทับเส้น กินยาดีทุกอย่างแล้วก็ไม่หาย เจ็บปวดทรมานมาก บางครั้งกวาดขยะไปก็ร้องไห้ไป จนนึกขึ้นได้เลยเอาธูปมา 3 ดอกมาอธิษฐานให้หายจากอาการป่วย แล้วจะมาอยู่ตรงนี้จนแผ่นดินกลบหน้า หลังจากนั้นตนก็หยุดยา ได้ประมาณ 3 เดือน ปรากฏว่าโรคกระดูกทับเส้นหายเป็นปลิดทิ้งมานานถึง 21 ปีแล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ตนแคล้วคลาด ปลอดภัย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี