9 ปี กฎหมายป้องกันการทารุณสัตว์ มนุษย์ควรมีเมตตาธรรมมากยิ่งขึ้น
15 ธันวาคม 2566 พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ที่จะครบ 9 ปี การประกาศบังคับใช้ ในวันที่ 26 ธันวาคม 2566 นี้
ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล ผู้สนใจและติดตามกฎหมายฉบับนี้ ให้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า แน่นอนกฎหมายฉบับนี้ เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นจำนวนมากตั้งแต่ยังไม่มีการประกาศใช้ จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งผู้ที่ยินดีสนับสนุนในความสำเร็จที่เรามีกฎหมายเฉพาะเรื่องเพื่อยกระดับคุณภาพ ในการดูแลคุ้มครองสัตว์เลี้ยงและสัตว์ที่อาศัยในธรรมชาติ เพื่อไม่ให้ถูกการทารุณกรรมโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเพื่อการยกระดับพัฒนาการจัดสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีให้เหมาะสมตามหลักวิชาการสากลอันเป็นที่ยอมรับ ในนานาอารยประเทศที่มักเป็นข้ออ้างว่าประเทศไทยยังมีการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างทารุณโหดร้ายทำให้เป็นเหตุในการกีดกันทางการค้าดั่งเช่นในอดีต
แต่เมื่อประกาศใช้ก็ยังมีการตั้งข้อสังเกตจากประชาชนบางประการโดยเฉพาะการถามหาถึงความรับผิดชอบของผู้เลี้ยงสัตว์ ในบางกรณีที่ต้องดูแลสัตว์ของตนไม่ให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะกรณีสัตว์จรจัด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยล้วนมาจากสัตว์ที่มีเจ้าของ แต่เมื่อเจ้าของไม่ประสงค์เลี้ยงดูก็ปล่อยปละละเลย จนนำมาสู่ปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่สัตว์เหล่านั้นก็มาจากผลการกระทำของมนุษย์แล้วมาตกสู่สัตว์ทั้งสิ้น
บางคนอาจมองว่า แม้เราจะมีกฎหมายแล้ว ยังไม่สามารถยุติการทารุณกรรมสัตว์ได้ ส่วนตัวกลับมองว่ากฎหมายฉบับนี้ก็เหมือนกฎหมายฉบับอื่นๆ เช่น เรามีกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและมีโทษรุนแรงกับผู้กระทำความผิด แต่ปัจจุบันก็ยังมี คนเสพยา คนค้ายาเสพติดอีกจำนวนมาก เรามีกฎหมายห้ามปล้น ห้ามฆ่ากัน ปัจจุบันก็ยังมีการปล้นการฆ่ากันทุกวันเช่นกัน แล้วถ้าไม่มีกฎหมายคงปล้น คงฆ่ากัน คงค้าขายยาเสพติด คงทรมานสัตว์กันได้อย่างเสรีกัน แต่ที่สำคัญเมื่อเรามีกฎหมายหมายแล้ว อย่าใช้กฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกันหรือแสวงหาประโยชน์จากกฎหมาย หรือสร้างความแตกแยกทางสังคม เช่น การรักสัตว์อย่างสุดโต่ง จนไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพผู้อื่น เพราะกฎหมายในทุกฉบับล้วนย่อมมีคุณธรรมทางกฎหมาย และเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งก็อยู่ที่ผู้ใช้กฎหมายนั้น ว่าจะบังคับใช้กฎหมายเพื่อเจตนาอะไร ในการดำเนินให้เกิดความยุติธรรมขึ้นทั้งกับสัตว์และมนุษย์ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้เช่นกัน
อีกทั้งส่วนตัวก็ยังมองว่าก็กฎหมายฉบับนี้ดีและเป็นประโยชน์มาก ถ้ามีการปฏิบัติให้ครบถ้วนตามหลักกฎหมายที่มีอยู่ เช่น ในมาตรา 26 ระบุว่า ในกรณีที่พบสัตว์ถูกปล่อย ละทิ้ง หรือไม่มีเจ้าของ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดสวัสดิภาพให้แก่สัตว์ตามสมควร ที่ผ่านมายังไม่มีการนำกฎหมายข้อนี้มาบังคับใช้เลย หรือมาตรา 23 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อยละทิ้ง หรือกระทำการใดๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งกฎหมายก็มีโทษปรับสูงสุด 40,000 บาท แก่เจ้าของที่ปล่อยสัตว์ แต่เท่าที่ติดตามดูปัจจุบันคาดว่ายังไม่มีการดำเนินการเปรียบปรับหรืออื่นๆ ในเมื่อกฎหมายยังไม่ถูกใช้บังคับใช้ให้ครบถ้วน ก็ไม่สามารถเอื้ออำนวยหรือสร้างกลไกที่สมบูรณ์ในการแก้ไขปัญหาในหลากมิติของสังคมได้อย่างเต็มที่
สำหรับประเด็นที่เร็วๆ นี้มีการเสนอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ส่วนตัวเห็นด้วยว่ากฎหมายทุกฉบับเมื่อใช้มาระยะหนึ่งก็ควรมีการศึกษาพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพื่อการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น แต่เท่าที่ศึกษาประเด็นเหตุผลความจำเป็นที่จะขอแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ทั้ง 19 ประเด็นนั้น เมื่อแยกย่อยแต่ละปัญหาในภาพรวม ส่วนตัวกลับมองว่าบางประเด็นที่เสนอแก้ไข แม้เป็นหลักการที่ดีแต่วิธีการสู่การปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมายยิ่งยากลำบาก เพราะจะกระทบสิทธิเสรีภาพ การดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องแก้ไขเพราะกฎหมายเดิมให้อำนาจอยู่แล้ว บางเรื่องก็สามารถออกเป็นประกาศกฎกระทรวงได้ และบางเรื่องจะยิ่งทำให้กฎหมายนั้นซ้ำซ้อนปฏิบัติได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะมีกฎหมายอื่นรองรับอยู่แล้ว และที่สำคัญบางเรื่องเป็นเรื่องทางเทคนิคกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนรอบด้านก่อน ถึงจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขกฎหมายและเพื่อป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ให้เกิดดุลยภาพระหว่างคนกับสัตว์และความสงบเรียบร้อยของสังคมที่แท้จริง อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจให้สำหรับผู้ที่คิดหวังและปรารถนาสิ่งดีที่เป็นประโยชน์เพื่อยกระดับการพัฒนาสวัสดิภาพสัตว์ของไทยให้ดียิ่งขึ้น
“สัตว์ทุกตัวล้วนมีชีวิตและมีคุณค่า เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ สัตว์ทั้งหลายย่อมรับรู้ได้ถึงความทุกข์ทรมาน รักสุขเกลียดทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น มนุษย์ก็ควรปฏิบัติกับสัตว์อย่างมีเมตตาธรรมมากยิ่งขึ้น”
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี