หนังสือเวียนด่วนที่สุด ของกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อให้ดำเนินการตาม “แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย สร้างจิตสำนึกความเป็นไทย” ตามที่กระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมมือกันไว้ ระหว่าง 4 กระทรวง อันได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566
เรื่องนี้ควรจะเป็นเรื่องของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษาฯ โดยตรง ซึ่งรับผิดชอบในการสอนวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ประวัติศาสตร์ แต่ได้ถอนวิชาเหล่านี้ออกจากการเป็นวิชาหลัก ไม่ต่ำกว่า 20 ปีมาแล้ว ไม่ทราบว่าโดยฝีมือของรัฐมนตรี ธุรกิจการเมืองคนใด ภายใต้การทำงานของนายกรัฐมนตรีคนใด
ประชาชนได้ส่งเสียงร้องเรียน และเรียกร้องกันมานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในด้านการศึกษาของประเทศ หรือนายกรัฐมนตรีคนไหน ดำเนินการแก้ไข จนกระทั่งเยาวชนอายุปัจจุบัน ตั้งแต่ 10-30 ปี ไม่ได้รับการศึกษาวิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ประวัติศาสตร์ไทยเท่าที่ควร และความสำคัญของความเป็นไทย การรักชาติการเสียสละเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันสูงสุดของการดำรงอยู่ของคนไทย จึงลดน้อยด้อยลงอย่างน่าตกใจ
เมื่อกระทรวงมหาดไทยในยุคของพรรคภูมิใจไทยภายใต้การกำกับดูแลของ นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ) ได้สั่งการไปยังทุกจังหวัดให้
1. อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ประดับหน้าห้องเรียน และอาคารต่างๆ ภายในสถานศึกษา
2. จัดให้นำวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และจริยธรรม มีการมาสอน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป
3. ให้มุ่งเน้นเรื่องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ให้ตระหนักในหน้าที่พลเมือง ความมีคุณธรรม จริยธรรม ปลูกจิตสำนึกความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย
4. ส่งเสริมให้มีการประกวดบทความ สุนทรพจน์ และการยกย่องทำความดี ของนักเรียน นักศึกษา เยาวชนและประชาชน
จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับหน่วยราชการที่รับผิดชอบจะดำเนินการข้างต้นต่อไป และถึงแม้หน่วยงานที่รับผิดชอบหน่วยใด ไม่เคยคิดทำเรื่องนี้มาก่อน เพราะรัฐมนตรีของท่านหรือหัวหน้ารัฐบาลสมัยก่อนหน้านี้ไม่เห็นด้วย หรือมองไม่เห็น ตอนนี้ก็เป็นโอกาสของท่านแล้ว ของข้าราชการ ของพนักงานของรัฐ (อาจารย์ ผู้บรรยายประจำ ฯลฯ) ที่จะมาช่วยสร้างความมั่นคง ให้แก่สังคมไทยต่อไป
ในอดีต เมื่อประชาชนเห็นความเพิกเฉยของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ และพนักงานของรัฐ เอกชนจึงได้ออกมาทำงานเรื่องนี้กันเป็นเอกเทศ หลายองค์กร แต่ผลก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เพราะขาดความต่อเนื่องบ้าง งบประมาณมีไม่พอบ้าง ภาครัฐไม่เหลียวแลสนับสนุนบ้าง
ตัวอย่างขององค์กรเอกชน ที่ทำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ก็ได้แก่ สหพันธ์สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน ซึ่งเป็นที่รวมของสมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน (ส.อ.ร.ด.) ในจังหวัดต่างๆ มากกว่าห้าสิบแห่ง ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 โดยท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช ภริยาของท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ผู้ริเริ่มงานสร้างสรรค์ให้สตรีไทยได้มีความรักชาติ มีระเบียบวินัย มีความเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน สามารถช่วยชาติบ้านเมืองได้ในยามเกิดสงคราม
ต่อมาเมื่อประธานสหพันธ์สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน ได้สิ้นอายุขัยไปในวัย 90 ปี (พ.ศ.2543) ประธานคนที่สองที่รับช่วงต่อมาจนปัจจุบันนี้ ได้แก่ หม่อมราชวงศ์วรรณาภรณ์ ศุขเนตรซึ่งนอกจากจะสานต่องานของประธานคนที่ 1 แล้ว ยังได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมความเป็นไทย ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยมี พลเอกเทียนชัย ศิริสัมพันธ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นผู้กล่าวเปิดโครงการ และการอบรมผู้ดำเนินโครงการ และผู้บรรยายรุ่นแรกในเดือนกันยายน 2544
ต่อจากนั้น สหพันธ์ฯได้ส่งคณะผู้บรรยายไปบรรยายในการชุมนุมของ ส.อ.ร.ด. ทั่วประเทศ อีกมากมายหลายครั้ง ทุกภาค และเกือบจะทุกจังหวัด ที่มีกิจกรรมของ ส.อ.ร.ด. อยู่ จนในปัจจุบัน กิจกรรมส่งเสริมความเป็นไทย อยู่ในหลักสูตรการอบรมสมาชิก ส.อ.ร.ด. ขั้นต้น ขั้นกลางขั้นสูง
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่กิจกรรมนี้ แพร่หลายอยู่ในวงจำกัด เฉพาะในวงการสตรีที่รักชาติ รักความเป็นไทยรักความมีระเบียบวินัย ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศแล้ว ก็ยังเข้าไปไม่ถึง นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนคนไทยโดยทั่วไป
การที่กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้ดำเนินการไปตามแนวทางทั้ง 4 ข้อข้างต้น จึงควรได้รับการชมเชยเป็นอย่างยิ่ง
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี