ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2567 น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ กสม. ได้แถลงข่าวรายงานผลการตรวจสอบกรณีประกันสังคมกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านบริการทันตกรรมของผู้ประกันตนให้เบิกได้เฉพาะกรณีถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด รวมกันทุกรายการไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี
เป็นการกำหนดวงเงินการเบิกค่าบริการทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอต่อความจำเป็น อันเป็นการละเมิดสิทธิในสุขภาพของผู้ประกันตน ซึ่งควรได้รับสิทธิไม่ต่ำกว่าสิทธิบัตรทอง นั้น กสม. ขอชี้แจงว่า รายงานผลการตรวจสอบดังกล่าวมีการรับฟัง ตรวจสอบและสอบทานข้อเท็จจริงจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานประกันสังคม (สปส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมบัญชีกลางทันตแพทยสภา
สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สภาองค์กรของผู้บริโภค ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิและองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง อย่างรอบด้าน โดยขอยืนยันว่า การกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านบริการทันตกรรมของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี เป็นการกำหนดวงเงินสิทธิประโยชน์ที่ต่ำกว่าสิทธิของผู้ถือบัตรประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ด้านบริการสาธารณสุขขั้นต่ำที่คนไทยทุกคนได้รับ
“อีกทั้งยังไม่ครอบคลุมการรักษาทันตกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเอกซเรย์ ค่ายาและเวชภัณฑ์ค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ ซึ่งแตกต่างจากประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองที่สามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์ในกรณีดังกล่าวได้ นอกจากนี้ไม่พบข้อเท็จจริงว่าผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถใช้สิทธิรักษาด้านทันตกรรมในโรงพยาบาลของรัฐได้อย่างไม่จำกัดวงเงิน ตามที่เป็นข่าว” น.ส.สุภัทรา กล่าว
น.ส.สุภัทรากล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ดี เมื่อประเด็นดังกล่าวเป็นที่ถกเถียงในสังคม ทำให้เมื่อบ่ายวันที่ 8 ก.พ. 2567 กสม. ได้ประชุมร่วมกับผู้แทน สปส. สปสช. และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เพื่อหารือถึงสถานการณ์ปัญหา และแนวทางแก้ไข โดยเห็นพ้องกันว่า กองทุนประกันสังคม และกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ควรกำหนดสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่จำเป็นด้านบริการทันตกรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการระหว่างผู้รับสิทธิประโยชน์ของทั้งสองกองทุน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมที่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ทุกเดือน ซึง กสม. มีข้อแนะนำเบื้องต้นให้กองทุนประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุข หารือร่วมกันถึงแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์หรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการกำหนดสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่จำเป็นด้านบริการทันตกรรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
“กสม. พร้อมเป็นหน่วยงานกลางในการเชื่อมประสานและสนับสนุนให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้หารือร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับบริการสุขภาพที่จำเป็นอย่างเท่าเทียมกัน และมีสิทธิเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขของรัฐที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน อันสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนสากล” น.ส.สุภัทรา กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแถลงข่าวประเด็นสิทธิประโยชน์ด้านบริการทันตกรรมของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 สืบเนื่องจากการแถลงข่าวเรื่องเดียวกันเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2567 โดย กสม. ระบุว่า การที่คณะกรรมการการแพทย์โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการประกันสังคม ได้ประกาศกำหนดให้ผู้ประกันตนเบิกค่าบริการทันตกรรมรวมกันทุกรายการได้ไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่สถานพยาบาลเอกชนและคลินิกทันตกรรมส่วนใหญ่กำหนดอัตราค่าบริการทันตกรรมขั้นพื้นฐานเกินกว่า 900 บาท
ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประกันตนไม่สามารถเบิกได้ ส่งผลให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการทันตกรรมได้เพียง1-2 รายการ และจำนวนหัตถการส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายเต็มวงเงิน 900 บาท อาทิ ขูดหินปูน 900-1,800 บาท อุดฟัน 800-1,500 บาทถอนฟัน 900-2,000 บาท ผ่าฟันคุด 2,500-4,500 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการกำหนดวงเงินที่ไม่เพียงพอต่อการรักษาทันตกรรมที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ไม่สอดคล้องกับความมุ่งหมายเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์เรื่องการดูแลทันตสุขภาพของประชาชนของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และทันตแพทยสภา
นอกจากนี้ สิทธิในการรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนยังไม่ครอบคลุมการรักษาทันตกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพอีกหลายประเภท เช่น ค่าใช้จ่ายในการเอกซเรย์ ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับการป้องกันและรักษาสุขภาพช่องปากและฟันทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ ซึ่งแตกต่างจากผู้มีสิทธิบัตรทอง และผู้มีสิทธิสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐที่สามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์ในกรณีดังกล่าวได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี