กระแสนิยมวัตถุมงคลหลวงปู่หนูอินทร์ กิตฺติสาโร (พระราชศีลโสภิต ดร.) แห่งวัดป่าพุทธมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ พระเกจิอาจารย์ดังภาคอีสาน มาแรงสุดๆ
ล่าสุด เซียนพระ นักสะสมวัตถุมงคลฮือฮาหลังหลวงปู่ให้ความเมตตา อนุญาตศิษยานุศิษย์ สร้างวัตถุมงคลรุ่น“พระคู่ชีวิต”พร้อมรวบรวมมวลสารว่านมหามงคลด้วยตนเอง ก่อนบริกรรมคาถาปลุกเสก วาระแรก ท่ามกลางบรรยากาศที่เข้มขลัง เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ทำเอาผู้อยู่ในเหตุการณ์ขนลุกซู่ไปตามๆ กัน
วันที่ 13 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หรือวัดหลวงปู่หนูอินทร์ กิตฺติสาโร (พระราชศีลโสภิต ดร.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะ จ.กาฬสินธุ์ พระเกจิอาจารย์ดังภาคอีสาน พบว่ามีศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศ แวะเวียนมากราบไหว้และสอบถามเกี่ยวกับการสั่งจองวัตถุมงคลของหลวงปู่ตลอดวัน โดยเฉพาะวัตถุมงคลรุ่น “พระคู่ชีวิต” ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด ที่หลวงปู่ได้ให้ความเมตตา อนุญาตให้ศิษยานุศิษย์เตรียมจัดสร้าง
นายสุทธี ไชยฮะนิช ไวยาวัจกรวัดป่าพุทธมงคล กล่าวว่า ในช่วงวัน 2 วันนี้พบว่ามีประชาชน ศิษยานุศิษย์ นักสะสมวัตถุมงคล และเซียนพระเครื่อง โทรศัพท์เข้ามาสอบถามและเดินทางมาติดต่อไม่ขาดสาย ทั้งนี้ ต้องการสั่งจองวัตถุมงคลรุ่น “พระคู่ชีวิต” ที่คณะผู้จัดสร้าง ได้เปิดโอกาสให้ผู้สนใจ มาสั่งจองเมื่อวันที่ 11 ก.พ.67 ที่ผ่านมา แต่ได้ปิดการสั่งจองไปแล้ว เนื่องจากยอดสั่งจองมีมากกว่าจำนวนที่จัดสร้าง
นายสุทธี กล่าวอีกว่า ในส่วนของการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น “พระคู่ชีวิต” ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของหลวงปู่หนูอินทร์นั้น จากกระแสที่ได้ยินมา ได้รับการตอบรับดีมาก ด้วยเหตุผลไม่ใช่แค่เฉพาะชื่นชอบชื่อรุ่นที่เป็นมงคลเท่านั้น ในส่วนของมวลสารที่ใช้ในการสร้าง ยังถือได้ว่าเป็นสุดยอดของความเข้มขลัง พลังศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ เพราะหลวงปู่เป็นผู้รวบรวมมวลสารว่านมหามงคลกว่า 10 ชนิดด้วยตัวท่านเอง เช่น ว่านนางกวัก ว่านสบู่เหล็ก ว่านเพชรไพรวัลย์ ว่านนกคุ้มกันไฟ ว่านพญา ว่านเสน่หา เป็นต้น จากนั้นประกอบพิธีปะพรมน้ำพระพุทธมนต์ และบริกรรมคาถา เป็นการบอกกล่าวรุกขเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนมอบให้ศิษยานุศิษย์ที่มาขออนุญาตสร้าง นำไปประกอบพิธีหลอมรวมมวลสารต่อไป
ด้านนายแมนชัย สมปรารถนา ผู้มากราบนมัสการขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคล รุ่น “พระคู่ชีวิต” กล่าวว่า ตนมีความเลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่หนูอินทร์เป็นอย่างมาก จึงได้มาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ และปวารณาตนขอเป็นเจ้าภาพจัดสร้างวัตถุมงคลของท่านสักครั้ง จนกระทั่งถึงวันนี้ ซึ่งมีความพร้อมแล้ว จึงได้เดินทางมากราบขออนุญาตหลวงปู่ ซึ่งท่านก็ให้ความเมตตาอนุญาตให้ดำเนินการจัดสร้างได้ ทั้งนี้ตนและคณะผู้จัดสร้าง ได้ร่วมกันถวายเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อร่วมทำบุญบำรุงพระพุทธศาสนา
นายแมนชัยกล่าวอีกว่า หลังจากหลวงปู่ได้ให้ความเมตตาอนุญาตสร้างวัตถุมงคลแล้ว ท่านยังให้ความเมตตาอย่างสูงส่งอีกประการ คือหลวงปู่ได้เลือกเฟ้นและรวบรวมมวลสาร คือว่านมหามงคลหลายชนิด ที่ท่านได้เพาะปลูกและขยายพันธุ์ไว้ที่บริเวณด้านหลังกุฎีของท่าน ซึ่งตนและคณะก็จะได้นำไปรวบรวมกับมวลสารมหามงคลต่างๆ ที่ได้จากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกหลายแห่ง ในการสร้างวัตถุมงคลต่อไป โดยจะจัดสร้าง 2 พิมพ์ คือพิมพ์เสมา และพิมพ์เจ้าสัว กำหนดประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก เสาร์ 5 วันที่ 13 เม.ย.67 ที่วัดป่าพุทธมงคล ซึ่งเป็นวันมหาฤกษ์มิ่งมงคลยิ่ง ตรงกับสงกรานต์พอดี ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะหนุนเสริมพุทธคุณ “พระคู่ชีวิต” ให้เป็นสุดยอดวัตถุมงคลแห่งปีอีกรุ่นหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างว่า ขณะที่หลวงปู่หนูอินทร์ กำลังรวบรวมมวลสารว่านมหามงคลชนิดต่างๆ นั้นบรรยากาศทั่วบริเวณนั้นจากที่ร้อนอบอ้าวกลับรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย โดยเฉพาะในช่วงที่หลวงปู่บริกรรมคาถาเพ่งจิตอธิษฐานต่อหน้ามวลสารว่านมหามงคล และเครื่องสักการะเซ่นไหว้ เหมือนเป็นการปลุกเสกวาระแรก ดูเข้มขลังและเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ทำเอาหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ อดที่จะขนลุกซู่ไม่ได้ บางคนพนมมือยกขึ้นหัว เหมือนสัมผัสได้กับความศักดิ์สิทธิ์ของตบะบารมีหลวงปู่หนูอินทร์ และพุทธคุณของวัตถุมงคลรุ่น “พระคู่ชีวิต” ที่เตรียมจัดสร้าง และเชื่อว่าจะเป็นวัตถุมงคลแห่งปีอีกหนึ่งอย่างเลยทีเดียว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี