นายกเมืองพัทยานำทีมเข้าช่วย 3 แม่ลูกกินนอนบนขยะกองโต พร้อมส่งทีมเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน พร้อมดันเด็ก 2 คนได้เข้าเรียนหนังสือ ด้านแม่เด็กเผยลูกทั้ง 2 คนเป็นลูกครึ่งสามีเป็นชาวสกอตแลนด์ ยังส่งเสียเลี้ยงดูอยู่ ส่วนขยะเป็นของตนเองและลูกที่กินแล้วไม่ได้เอาไปทิ้งโดยทิ้งหมักหมมมาเป็นเวลานานจนส่งกลิ่นเหม็น
จากกรณีที่ทีมข่าวไปตรวจสอบพบ 3 แม่ลูกใช้ชีวิตท่ามกลางขยะเต็มบ้านพักหลังหนึ่งในย่านพัทยาเหนือ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับข้อมูลจากพลเมืองดีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
บ่ายวันนี้ (15 ก.พ.67) นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายพรชัย สังข์เอียด ปลัดอำเภอบางละมุง นางนัทธมน กิจดำรงกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ร.ต.อ.สนธยา ขนทรัพย์ รองสวป. สภ.เมืองพัทยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ สำนักสวัสดิการสังคม เมืองพัทยารวมกันกว่า 30 นายลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าวในพื้นที่หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อช่วยเหลือ 3 แม่ลูกรายนี้
จากการลงพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้ตะโกนเรียกอยู่ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง จากนั้นพบว่า น.ส.แยม อายุ 44 ปีเจ้าของบ้าน พร้อมกับลูกชายคนเล็กได้เดินออกมาเปิดประตูออกมาพบเจ้าหน้าที่แต่โดยดีก่อนเจ้าตัวจะพาเข้าไป พบว่าบริเวณห้องโถงชั้นล่างของตัวบ้านมีขยะประเภทเศษอาหารที่กินแล้ว ถ้วยโฟม จานชามพลาสติก ถูกห่อในถุงพลาสติกเป็นถุงๆ วางเรียงรายกันเป็นกองพะเนินจำนวนมาก แถมยังส่งกลิ่นเหม็นเน่า มีแมลงวัน แมลงสาบบินว่อนไปทั่วบริเวณ
น.ส.แยม บอกเพียงว่า ขยะดังกล่าวไม่ได้ไปเก็บมาจากที่อื่น แต่เป็นขยะที่ตนและลูกอีก 2 คนกินไว้แล้วไม่ได้นำไปทิ้ง โดยทิ้งหมักหมมมาเป็นเวลานาน จึงทำให้อยู่ในสภาพดังกล่าว เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเมืองพัทยา จึงเข้าไปจัดเก็บและทำความสะอาดให้กับเจ้าของบ้าน
น.ส.แยม เล่าให้ฟังอีกว่า ตนกับลูกชายอีก 2 คนเป็นลูกครึ่งไทย-สกอตแลนด์ คนโต ชื่อนายเจคอป อายุ 16 ปี คนเล็ก ชื่อ ด.ช.เจสัน อายุ 7 ขวบ โดยซื้อและอยู่อาศัยที่บ้านหลังดังกล่าวมาประมาณ 6-7 ปี ปัจจุบันไม่ได้ทำงานประกอบอาชีพใดๆ โดยจะมีพ่อของลูกเป็นชาวสกอตแลนด์ คอยส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน ส่วนลูกชายทั้ง 2 คนไม่ได้เรียนหนังสือ ซึ่งคนโตเคยเรียนถึงชั้น ม.2 ส่วนคนเล็กปัจจุบันยังไม่เคยได้เข้าเรียน ส่วนขยะที่พบภายในส่วนใหญ่เป็นขยะที่ตนและลูกซื้อของเข้ามากินแล้วก็ไม่ได้นำออกไปไปทิ้งมาเป็นเวลานานเกือบปี ทำให้บ้านอยู่ในสภาพดังกล่าว
ด้านนายเจคอบ ลูกชายโต เปิดเผยว่า ได้ใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในบ้านท่ามขยะกองโตมาประมาณปีกว่าแล้ว โดยหลังจบ ม.2 ทางบ้านก็ไม่ได้ส่งให้เรียนต่อก็จะใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านเวลาหิวก็จะมีแม่ค่อยออกไปซื้อกับข้าวมาให้กินและจะใช้คอมพิวเตอร์เล่นยูทูปศึกษาในเรื่องที่ไม่รู้ และแชทคุยปรึกษากับเพื่อนที่โรงเรียนเก่าและตัวคุณพ่อชาวสกอตแลนด์ที่ไปอยู่ต่างประเทศ
ขณะที่นางนัทธมน กิจดำรงกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ในเบื้องต้นจะเข้ามาช่วยเหลือและดูแลเด็ก พร้อมทั้งประเมินอาการของเด็ก รวมถึงแม่เด็ก ว่ามีอาการป่วยอย่างใดหรือไม่ จากนั้นก็จะหาวิธีเข้ามาดูแล พร้อมทั้งช่วยเหลือในเรื่องการหาที่เรียนให้กับเด็กทั้ง 2 คน ในเบื้องต้น จะยังไม่มีมีการนำเด็กทั้ง 2 คนไปดูแล เนื่องจากแม่เด็กรับปากว่าจากนี้จะดูแลลูกทั้ง 2 คนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังได้รับรายงานก็รีบลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ทัน โดยเบื้องต้น ทางเมืองพัทยาได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดเก็บขยะและทำความสะอาด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องฝากคุณแม่ไม่ให้มีพฤติกรรม สะสมขยะแบบนี้อีก ซึ่งจะต้องเก็บทิ้งทุกวัน ส่วนน้องทั้ง 2 คน ทางเมืองพัทยาจะประสานผู้อำนวยการกองศึกษาเข้ามาพูดคุย เพื่อจัดหาที่เรียนหนังสือตามความเหมาะสม
โดยจากการสอบถามผู้เป็นแม่ คนโตเคยเรียนถึงชั้น ม.2 ส่วนคนเล็กยังไม่เคยเรียนหนังสือเลย แต่จากการสัมผัส พบว่าน้องคนเล็ก ค่อนข้างเป็นคนเฉลียวฉลาด เชื่อว่าน่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการเรียน ส่วนในเรื่องของความเป็นอยู่ เชื่อว่าครอบครัวนี้ไม่ได้มีความขัดสนเรื่องเงิน เนื่องจากสามีชาวสกอตแลนด์ ยังส่งเสียเลี้ยงดูอยู่ ซึ่งในขั้นตอนต่อไป ทางเมืองพัทยา ร่วมกับ พม.ก็จะมาดูในเรื่องของคุณภาพชีวิต และสภาพจิตใจต่อไป - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี