รศ.ดร.สยาม เจริญเสียง รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และอดีตผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) เปิดเผยว่า จากสถิติประชากรในปี 2566 ประเทศไทยมีประชากรกว่า 66 ล้านคนในจำนวนนั้นมีคนพิการอยู่ถึง 2,180,178 คน เป็นคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานอายุ 15-59 ปี จำนวน 857,117 คน แต่มีคนพิการเพียงร้อยละ 36 หรือ 311,259 คนเท่านั้นที่มีอาชีพเลี้ยงดูตัวเองได้
ซึ่งอาชีพที่คนพิการทำได้ส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านการเกษตร รับจ้างทั่วไป ซึ่งเป็นงานที่ใช้ทักษะน้อยทำให้ได้รับผลตอบแทนน้อยตามไปด้วย ดังนั้น การเพิ่มทักษะด้านเทคโนโลยีและนำนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการเสริมศักยภาพและเพิ่มทางเลือกในการทำงานให้คนพิการ จึงเป็นแนวทางสำคัญที่ มจธ. มุ่งพัฒนาและนำมาใช้จริง โดยมุ่งที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างสังคมสำหรับทุกคน (Technology for Inclusive Society) ใช้เทคโนโลยีมาดูแลใน 2 ส่วนหลัก
คือ 1.การจัดการสภาพแวดล้อมให้ตอบรับกับบริบทการใช้ชีวิตของคนพิการไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่หรือการใช้ชีวิตประจำวัน โดย มจธ. ออกแบบสภาพแวดล้อมภายในให้เหมาะกับทุกคน (Universal Design) และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อคนพิการให้สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น เช่น การสร้างแขนกลเทียมจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ แอปพลิเคชั่นตรวจจับรถโดยสารประจำทางสำหรับคนพิการทางสายตา เป็นต้น
ปัจจุบัน FIBO ได้จัดทำโครงการนวัตกรรมเพื่อคนพิการเพื่อการควบคุมหุ่นยนต์หยิบจับสิ่งของจากระยะไกลด้วยเทคโนโลยีความจริงเสมือน (Virtual Reality : VR) ในชื่อโครงการ VR -Avatar Shopping @ FIBO - LX Metaverse Store ที่เปิดโอกาสให้คนพิการเข้าอบรมการออกแบบโมเดล 3 มิติและ สั่งพิมพ์ 3D ผ่านเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รวมถึงการอบรมการควบคุมหุ่นยนต์ระยะไกลผ่านระบบ Virtual Reality
“การอบรมนี้เป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาทักษะออกแบบโมเดล 3 มิติและการควบคุมหุ่นยนต์ระยะไกลผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality แก่คนพิการให้เหมาะสมกับบริบทของโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ซึ่งการออกแบบโมเดล 3 มิติเป็นทักษะยุคใหม่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดไม่ว่าจะในภาคอุตสาหกรรมงานศิลปะ ไปจนถึงงานในวงการบันเทิง ที่ยังขาดบุคลากรอีกมากคนพิการที่ผ่านการอบรมไปแล้วสามารถออกแบบตัวละคร 3 มิติได้ด้วยตัวเอง และพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบได้” รศ.ดร.สยาม กล่าว
ส่วนของการควบคุมหุ่นยนต์หยิบจับสิ่งของจากระยะไกลด้วยเทคโนโลยี VR นั้น รศ.ดร.สยาม เล่าว่า ระบบนี้เป็นการใช้หุ่นยนต์เป็นเสมือนแขนขา มีระบบ VR เป็นเสมือนดวงตาให้กับคนพิการ ทำให้คนพิการสามารถควบคุมให้หุ่นยนต์ เลือกและหยิบจับสินค้าผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต เพื่อนำส่งไปยังผู้รับที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ โดยที่คนพิการบังคับหุ่นยนต์อยู่ที่บ้าน
ซึ่งระบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย และยังเป็นการทดสอบลำดับต้นๆ ของโลกโดยคนพิการด้วย โดยหากมองดูระบบนี้อาจคล้ายกับหุ่นยนต์ที่เราเห็นตามร้านอาหารหรือโรงพยาบาลแต่หุ่นยนต์จะไปได้เฉพาะเส้นทางที่มีการโปรแกรมหรือกำหนดไว้เท่านั้น แต่ระบบนี้จะใช้เทคโนโลยีระบบความจริงเสมือน/ความจริงผสมเพื่อควบคุมให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่เพื่อหยิบจับสินค้าและเคลื่อนที่ไปได้อย่างอิสระด้วยการควบคุมระยะไกลจากคนพิการเอง”
โดยในงานครบรอบ 10 ปี โครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการฯมจธ. “เติม…เต็ม Empower” เมื่อเดือน ต.ค. 2566 มีการทดสอบระบบการควบคุมหุ่นยนต์หยิบจับสิ่งของจากระยะไกลด้วยเทคโนโลยีVR โดยให้คนพิการส่งผลิตภัณฑ์โมเดล 3 มิติที่คนพิการออกแบบและพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จากอาคาร FIBO มาที่อาคารการเรียนรู้พหุวิทยาการ (LX) ซึ่งมีระยะทางห่างกันกว่า 600 เมตรโดยหุ่นยนต์ที่ควบคุมจะใช้เส้นทางร่วมกับรถยนต์ทั่วไป
ซึ่งขั้นตอนการทดสอบคนพิการจะสวมแว่น VR และถือจอยสติกที่ใช้ในการควบคุมอยู่ที่อาคาร LX ชั้น 3 เพื่อควบคุมหุ่นยนต์แขนกล 2 แขนติดตั้งที่ชั้น 7 อาคาร FIBO เพื่อหยิบจับผลิตภัณฑ์โมเดล 3 มิติผ่านระบบ VR จากนั้นจะส่งต่อให้หุ่นยนต์ตัวที่ 2 ที่เป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้ที่มีแขนติดตั้งอยู่สำหรับขนของจากชั้น 7 ลงมาที่ชั้น 1 เพื่อส่งต่อให้หุ่นตัวที่ 3 ที่เป็นหุ่นยนต์เคลื่อนที่ได้ที่มีลักษณะเป็นแบบรถส่งของ ที่ควบคุมโดยคนพิการจากชั้น 3 ตึก LX ที่จะวิ่งจากอาคาร FIBO มาส่งสินค้าให้กับผู้รับของที่ปลายทางอาคาร LX ซึ่งการทดสอบระบบผ่านพ้นไปได้เป็นอย่างดี
“สิ่งที่ FIBO และ มจธ.กำลังเดินหน้าอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ การเตรียมความพร้อมและเสริมทักษะให้คนพิการตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้คนพิการมีโอกาสการทำงานที่มากขึ้น เป็นงานที่ใช้ทักษะสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้ค่าตอบแทนที่มากขึ้นด้วย ทำให้เพียงพอต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ที่สำคัญเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้คนพิการได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองออกมา ให้สังคมได้เห็นว่าคนพิการไม่ได้ด้อยกว่าใคร แต่มีศักยภาพเท่าเทียมกับคนปกติทั่วไป” รศ.ดร.สยามทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี