เกษตรกรหนุ่มวัย 40 ปี ชาวอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พลิกกระชังปลาที่ถูกทิ้งร้าง หันมาเลี้ยงปูดำไข่เจ้าแรก เน้นไข่แดง เนื้อเต็ม ทำแพข้างบ้านรับซื้อไม่อั้น สร้างรายได้ครึ่งล้านต่อปี แถมมียอดสั่งจองจนมีไม่พอขาย

4 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระชังเลี้ยงปูดำไข่ ชุมชนบ้านหยงสตาร์ หมู่ที่ 2 ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นายอภิสิทธิ์ ธีรกุลพิศุทธิ์ หรือเดย์ อายุ 40 ปี เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรง ที่หันมาพลิกฟื้นกระชังเลี้ยงปลา ที่ถูกทิ้งร้างเพราะขายไม่ได้ราคา มาเลี้ยงปูดำไข่เจ้าแรกใน จ.ตรัง รวมกว่า 600 กล่อง

โดยเลี้ยงไว้กล่องละ 1 ตัว เพื่อให้ปูดำไม่กัดกินกันเอง เน้นไข่แดง เนื้อเต็มก่อนส่งขายลูกค้า ราคาตั้งแต่กิโลละ 450-600 บาท หรือขนาด 3-5 ตัวต่อกิโลโดยเลี้ยงมาประมาณ 3 ปีแล้ว ผลตอบรับดีเกินคาด ทำแพรับซื้อที่อยู่ข้างบ้านประกาศรับซื้อไม่อั้น เพราะนำไปทำอาหารแล้ว ติดใจในรสชาติ ความสด ความแน่นของปูดำไข่

แถมไม่มีกลิ่นคาว เพราะเลี้ยงในลำคลองที่เชื่อมต่อกับทะเล จึงมีระดับน้ำขึ้น-น้ำลง และสองฝั่งเต็มไปด้วยป่าโกงกาง ไม่มีมลพิษ ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม น้ำจึงใสสะอาด ทำให้ปูดำกินอาหารได้ดี และเจริญเติบโตเร็วกว่าบ่อปูนหรือบ่อปิด โดยใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3-5 เดือนก็สามารถจับขายได้แล้ว

โดยแต่ละเดือนมียอดสั่งซื้อประมาณ 500 ตัวหรือ 120 กิโลกรัม สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 35,000-40,000 บาทต่อเดือน หรือกว่า 500,000 บาทต่อปี เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่ก็ขายได้จนหมดเกลี้ยง

ส่วนลูกพันธุ์ปูดำ สั่งซื้อมาจากชาวประมงพื้นบ้านที่ออกไปลากอวน หากได้ลูกปูดำขนาด 2 กรัมขึ้นไป  ก็จะนำมาขายให้ในราคากิโลละ 220 บาท แต่หากได้ลูกปูดำไซส์เล็กกว่านั้น ก็จะรับซื้อในราคากิโลละ 150 บาท  จากนั้นจึงนำมาเลี้ยงต่อจนได้น้ำหนักและมีไข่สีส้มแดงจนแน่นเต็มท้อง จึงส่งขายให้กับลูกค้า

ด้านนายอภิสิทธิ์ ธีรกุลพิศุทธิ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงปูดำไข่เจ้าแรกใน จ.ตรัง กล่าวว่า แต่ละรอบหรือ 3 วันจะขายปูได้ประมาณ 25-35 กิโลกรัมมี 2 ไซส์ๆเล็กกิโลกรัมละ 450 บาท ส่วนไซส์ใหญ่ 3-5 ตัวต่อกิโลกรัม ตกอยู่ที่ 600 บาท ผลตอบรับมองว่าในตลาดของปูไข่ยังมีน้อยมาก ตลาดจึงยังไปได้อีกไกล ทำให้ตอนนี้มียอดจองข้ามปี ที่เห็นอยู่ด้านหลังคือถูกจองหมดแล้ว.012