ลูกหลานชาวจีนร่วมกันสืบทอดภูมิปัญญาการทำขนมสี่ขาจากบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบันอายุเกือบ 100 ปีโดยมีขายเจ้าเดียวในตรังใช้เวลาขายแค่ 2-3 ชั่วโมงก็หมดเกลี้ยง
นายอภิชัย พวงสว่าง อายุ 48 ปีและภรรยา ชาวอำเภอกันตัง จ.ตรัง ได้ร่วมสืบทอดภูมิปัญญาการทำขนมสี่ขาจากบรรพบุรุษที่มาจากเมืองจีนเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้วเพื่อให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป ซึ่งขนมสี่ขา เป็นขนมโบราณ ทำจากแป้งสาลี มีไส้ตรงกลางเป็นน้ำตาลเคี่ยวจนเหนียวหนึบคล้ายน้ำตาลแว่น เมื่อนวดแป้งจนฟูได้ที่ จึงนำมาแป้งมาประกบกันโดยวางแผ่นน้ำตาลไว้ตรงกลาง ตัดเป็นชิ้น ก่อนจะใช้นิ้วเจาะรูตรงกลาง แล้วนำแป้งข้างหนึ่งสอดลงไปในรู บิดให้เป็นเกลียว เมื่อนำไปทอดจะได้เป็นขนมสี่ขา คล้ายกับขาทั้งสี่ข้าง
ส่วนความยากคือจะต้องใช้ความร้อนของน้ำมันปานกลาง เพราะถ้าน้ำมันร้อนเกินไปไส้น้ำตาลก็จะไหม้ ส่วนแป้งก็จะไม่สุก แต่ถ้าไฟอ่อนเกินไป ขนมสี่ขาก็จะอมน้ำมัน แต่ถ้าทอดให้พอดี ก็จะได้ขนมสี่ขาสีเหลืองทอง เนื้อแป้งกรอบนอกนุ่มใน ไม่โปร่งเหมือนปาท่องโก๋ และมีความหวานจากน้ำตาลที่สอดแทรกอยู่ตรงกลางด้วย โดยขายชิ้นละ 5 บาท
ซึ่งขนมสี่ขาปัจจุบันมีขายเพียงเจ้าเดียวในจ.ตรัง อยู่ที่บริเวณหน้าโรงแรมศิริชัย(เจ้าของโรงแรมเป็นเจ้าของสูตรการทำขนมสี่ขาต้นตำรับ) ในเขตเทศบาลเมืองกันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง เปิดขายตั้งแต่เวลา 06.00 น.-10.00 น.โดยใช้แป้งสาลีวันละประมาณ 5 กิโลกรัม ก็ขายหมดเกลี้ยงทุกวัน สร้างรายได้กว่า 1500 บาทเลยทีเดียว และยังมีลูกหลานทายาทรุ่นที่ 3 สืบทอดการทำขนมสี่ขา เพื่อเป็นอาชีพและมรดกทางภูมิปัญญาต่อไป
ขณะที่นายอภิชัย พวงสว่าง ทายาทขนมสี่ขารุ่นที่ 3 กล่าวว่า ขายชิ้นละ 5 บาทเป็นสูตรของอาม่าที่มาจากเมืองจีน มาสอนแม่ แล้วแม่ก็มาสอนต่อ ขายเป็นรุ่นที่ 3 แล้วโดยใช้แป้งประมาณ 3-4 กิโล มีรายได้ประมาณ 1500 บาท หากินยากมที่เดียวในจ.ตรังมีเจ้าเดียว เพราะเป็นขนมโบราณที่ถูกลืม รสชาติกินไม่เหมือนปาท่องโก๋ คนละรสชาติ รูปร่างอาจจะคล้ายกันแต่รสชาติต่างกัน - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี