รพ.เอกชนแจงปมลูกชายอดีตนายกเล็กห้วยกระเจาเสียชีวิตกะทันหัน พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ยันมีแพทย์ดูแลรักษาตลอด 24 ชม.และได้รักษาอย่างเต็มความสามารถ ตามมาตรฐานคงไว้ซึ่งจริยธรรม จรรยาบรรณของวิชาชีพ
จากกรณีนายสิริพงศ์ สืบเนียม หรือนายกพันธ์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 6 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี พร้อมลูกชายคนโตและลูกสะใภ้นำตัวนายศาสตรา หรือฮาร์ท สืบเนียม อายุ 42 ปีลูกชายไปรักษาอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แต่อาการไม่ดีขึ้นและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งนายสิริพงศ์ ข้องใจเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษาของทางโรงพยาบาล เพราะทำได้เพียงแค่ให้ลูกชายกินยากรดไหลย้อนแค่ 2 เม็ดตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (9 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเจ้าของเพจรายหนึ่งได้ออกมาชี้แจงว่า "ในฐานะแพทย์ประจำโรงพยาบาลขอยืนยันว่า รพ.มีหมอประจำตลอด 24 ชม.แพทย์ตรวจประเมินคนไข้เองทุกเคส มีกล้องวงจรปิดตรวจสอบได้ ในเคสนี้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด คนไข้ได้รับการรักษาทันทีที่เข้าห้องฉุกเฉิน และมีแพทย์อยู่ในห้องฉุกเฉินด้วยตลอดการรักษา แต่เนื่องจากเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน มีโอกาสเสียชีวิตสูง
ระหว่างทำเรื่องส่งตัว คนไข้หัวใจหยุดเต้น ต้องทำการกู้ชีพ และในการกู้ชีพ ทีมแพทย์ก็ได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต ขอความร่วมมือใช้ความระมัดระวังและให้เกียรติซึ่งกันและกันในการโพสต์และคอมเม้น ผู้ที่ทำให้โรงพยาบาลเสื่อมเสียชื่อเสียง รพ.เตรียมดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด รวมทั้งสำนักข่าวที่ให้ข้อมูลไม่เป็นความจริงด้วย"
ขณะเดียวกันโรงพยาบาลธนบุรี-อู่ทอง ได้ออกมาโพสต์ขอแสดงความเสียใจ อย่างสุดซึ้งแก่ญาติผู้สูญเสีย ผ่านเพจ "Thonburi Uthong Hospital" และยังมีเอกสารชี้แจงอย่างละเอียดระบุว่า "ทางโรงพยาบาลธนบุรี - อู่ทอง ขอชี้แจง ดังนี้ วันที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 05.30 น.ผู้ป่วยมาด้วยอาการจุกแน่นลำคอเจ็บ แน่นหน้าอก เจ็บแน่นในท้อง 30 นาทีก่อนมาโรงพยาบาล เมื่อมาถึงแผนกห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยได้รับการตรวจประเมินคัดกรองจากพยาบาล ส่งตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าทันที แพทย์ทำตรวจรักษาผู้ป่วย ซึ่งพบว่าคลื่นหัวใจมีความผิดปกติไม่ชัดเจน แพทย์จึงได้ทำการรักษาโดยการให้ฉีดยาลดกรด ร่วมกับส่งตรวจเอนไซม์หัวใจ เพื่อช่วยวินิจฉัยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และสังเกตอาการผู้ป่วย
หลังได้รับยาให้ออกชิเจน เฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วยตลอดในห้องฉุกเฉิน อาการเจ็บหน้าอกผู้ป่วยไม่ทุเลา จึงทำการตรวจประเมินคลื่นหัวใจซ้ำอีกครั้ง พบว่าคลื่นหัวใจไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงจากตอนแรก แสดงถึงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน แพทย์จึงสั่งให้ยารักษาโดยให้รับประทานยาตามมาตรฐานแนวทางการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน
ในระหว่างนี้ได้ทำการติดต่อประสานงานเพื่อส่งต่อ รพ.ที่มีศักยภาพที่สามารถทำการสวนเส้นเลือดหัวใจได้เพื่อทำการสวนเส้นเลือดหัวใจ ระหว่างเตรียมประสานงานยัง รพ.ปลายทาง ผู้ป่วย มีอาการและสัญญาณชีพแย่ลงอย่างรวดเร็ว จึงทำการช่วยฟื้นคืนชีพ แต่เนื่องจากการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจำเป็นต้องให้อาการและสัญญาณชีพคงที่ก่อน จึงจะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยัง รพ.ปลายทางได้อย่างปลอดภัย
แต่เนื่องจากอาการและสัญญาณชีพผู้ป่วยยังไม่คงที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการส่งต่อและผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตระหว่างทางได้ จึงทำการกู้ฟื้นคืนชีพชีวิตผู้ป่วยต่อเนื่องที่ รพ. แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ ซึ่งเคสนี้แพทย์เจ้าของไข้ได้ทำการรักษาและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ต้นตลอดเวลาในห้องฉุกเฉิน
ทางโรงพยาบาลมีแพทย์ดูแลรักษาตลอด 24 ชม.และได้รักษาอย่างเต็มความสามารถ ตามมาตรฐานคงไว้ซึ่งจริยธรรม จรรยาบรรณของวิชาชีพ แต่อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลธนบุรี-อู่ทอง ฝ่ายบริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่ปรารถนาให้ความสูญเสียดังกล่าวเกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ขอแสดงความนับถือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นของวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลธนบุรี-อู่ทองได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำพวงหรีดมาร่วมแสดงความไว้อาลัยที่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 6 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี สถานที่จัดงานศพของผู้เสียชีวิตด้วย โดยมีญาติของผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี