วันที่ 23 มีนาคม 2567 ศ.ดร.ณัฐวุฒิ เผ่าทวี อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Nattavudh Powdthavee - ณัฐวุฒิ เผ่าทวี”
ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันและมีปากมีเสียงกันบ่อยๆ พวกเขาควรจะเลิกกันเพื่อลูกหรือไม่
เมื่อวานซืนนี้ ตอนที่ผมกำลังนั่งรถเข้าไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อไปสอนอยู่ ผมก็ได้ฟังนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Maryland เล่าให้ Stephen Dubner ใน Freakonomics podcast ฟังว่าอัตราของเด็กผิวดำในประเทศอเมริกาที่โตมาในครอบครัวที่พ่อแม่สองคนแต่งงานกันนั้นต่ำมากๆ รู้สึกว่าจะอยู่ที่ประมาณ 30-40% ได้ (ส่วนคนผิวขาวตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 70%) ในทางกลับกันอัตราของเด็กเอเชียในประเทศอเมริกาที่โตมาในครอบครัวที่พ่อแม่สองคนแต่งงานกันนั้นอยู่ที่ 88% นั่นหมายความว่าคนเอเชียมีโอกาสที่จะเจอคู่ที่เข้ากันได้และแต่งงานกันยืดอย่างนั้นเหรอ หรือว่ามันมีเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้
ผมเชื่อว่าคนเอเชียไม่ได้โชคดีในการหาคู่ที่ดีไปกว่าคนผิวขาวหรือคนผิวดำเลย แต่ผมเชื่อว่าสาเหตุใหญ่ๆสาเหตุหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมคนเอเชียที่แต่งงานมีลูกกันหย่าร้างกันน้อยกว่าคนสีผิวอื่นก็คือในสังคมของคนเอเชีย การหย่าร้าง = การเสียหน้าของคู่ที่เลิกกันและครอบครัว พ่อแม่ ของแต่ละฝ่าย และการเสียหน้านี้ก็เป็นอะไรที่มาพร้อมๆกันกับตราบาปที่จะติดตัวคนที่หย่าร้างกันไปอีกนาน
และด้วยเหตุผลนี้นี่เอง เราก็อาจจะสามารถตั้งข้อสมมติฐานขึ้นมาได้อีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือ ในครอบครัวพ่อแม่ที่ยังแต่งงานและไม่มีทีท่าจะเลิกรากันอยู่นั้น โอกาสที่คู่ที่ไม่รักกันและทะเลาะกันบ่อยๆนั้นจะเป็นคนเอเชียก็จะสูงกว่าที่คู่จะเป็นคนสีผิวอื่นมาก
นั่นก็หมายความว่าโอกาสที่เด็กเอเชียจะเติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่รักกัน และอาจจะทะเลาะกันบ่อยๆ ก็อาจจะสูงตามๆกันไปด้วย
คำถามที่สำคัญก็คือสำหรับครอบครัวที่ทะเลาะกันนั้น พ่อแม่ควรที่จะอยู่ด้วยกันเพื่อเด็ก หรือหย่ากันเพื่อเด็กดีกว่า
ในงานวิจัยที่ผมทำกับอาจารย์เนื้อแพร เล็กเฟื่องฟูและเพื่อนอาจารย์อีกสองท่านกับเด็กที่โตมาในประเทศอังกฤษกว่า 5,000 คน พวกเราพบว่าเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆมักจะมีสุขภาพจิตและพฤติกรรมที่แย่กว่าเด็กที่พ่อแม่เลิกราหย่าร้างกันไป เราจึงมีข้อสรุปว่าสำหรับตัวเด็กเอง การที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่รักกันและทะเลาะกันบ่อยๆมีผลเสียกับตัวเขามากกว่าการที่พ่อแม่ตัดสินใจแยกทางกัน ส่วนหนึ่งก็เพื่อลูกจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสภาวะแวดล้อมที่ toxic อยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น สำหรับคู่ที่พ่อแม่ไม่ได้รักกันแล้ว การตัดสินใจยอมเสียหน้าและเลิกร้างกันไปอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถทำเพื่อลูกได้ก็ได้นะครับ
อ่านเพิ่มเติม
Clark, A. E., Lekfuangfu, W., Powdthavee, N., & Ward, G. (2015). Breaking up for the kids’ sake: evidence from a British Birth Cohort. Mimeo.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี