ชาวบ้านฮือฮาแห่ดู “เรือไม้ตะเคียนทองโบราณ” คาดเป็นเรือขายสินค้า ก่อนยุคกรุงศรีอยุธยา อายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี หลังมีเรื่องราวสุดแปลกเกิดขึ้นกับ หนุ่มใหญ่52 ปี มีอาการผิดปกติ คล้ายถูกดลจิตดลใจให้ไปพบเจอคว่ำจมอยู่กลางแม่น้ำตรัง ขอประสานผู้เชียวชาญให้เข้ามาตรวจสอบ ขณะที่ชาวบ้านไม่พลาดแห่ส่องเลขเด็ดไปเสี่ยงโชค หลังจากมีคนดวงดีเห็นเลขตัวตรงสีแดงโผล่ในลำเรือ รับทรัพย์แน่นๆมาแล้วงวดที่ผ่านมา
16 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 6 บ้านสันตัง ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของนายประดิษฐ์ ศรีบุญนาค หรือหมอสิทธิ์ อายุ 65 ปี ได้มีการนำเอาเรือไม้ตะเคียนทองโบราณ ขนาดความยาวประมาณ 8 เมตร ความกว้างประมาณ 1 เมตร ลักษณะเป็นไม้ตะเคียนทองทั้งต้น มาขุดและเซาะเนื้อไม้ให้กลายเป็นลำเรือ ไม่ใช้เป็นการนำไม้มาต่อ และคาดว่าน่าจะมีการเรียกกันว่าเรือหางโทง หรือเรือพันท้ายนรสิงห์ อายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี มาตั้งไว้บริเวณลานดินหน้าบ้าน
ภายหลังจากที่นายสุพิศ จิตตรา หรือเต้ว อายุ 52 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.หนองตรุด ได้มีความรู้สึกผิดปกติกับตัวเอง มีอาการวูบวาบ คล้ายมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดดลจิตดลใจให้ไปที่บริเวณแม่น้ำตรัง ซึ่งเป็นสายปากคลองไพ หมู่ 6 บ้านสันตัง เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา
จนทำให้ตอนนั้นนายสุพิศ ได้เดินเท้าจากบ้านไปที่จุดบริเวณดังกล่าวห่างจากบ้านไปประมาณ 1 กม. จนพบเห็นว่ามีวัตถุอย่างหนึ่งเป็นสีดำโผล่เหนือผิวน้ำอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งอยู่ห่างจากตลิ่งไปในแม่น้ำประมาณ 4 เมตร จึงลงไปดูก่อนจะพบว่าเป็นเรือไม้ตะเคียนทองโบราณดังกล่าว และจึงได้นำพามาตั้งไว้ บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว
ภายหลังจากพบเจอเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าได้มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่ทราบข่าวจากปากต่อปาก มาแห่กันชมและดู กระทั่งมีผู้คนจำนวน 2 รายที่มาดูกลับพบเห็นเป็นเลขสีแดง 481 ติดอยู่ที่ลำเรือ ก่อนจะนำเลขที่พบเห็นไปเสี่ยงโชค และถูกรางวัลหวยงวดวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา เฉกเช่นเดียวกันกับช่วงเย็นวันนี้ (15 เมษายน) ได้มีชาวบ้านใกล้และไกลเดินทางกันมาดูเรือดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 30 ชีวิต ก่อนจะนำผ้าสีมาผูกไว้บนหัวเรือ และนำดอกไม้ พานเงิน และเหรียญ มาตั้งไว้ให้ในลำเรือ รวมทั้งจุดธูปเทียนบูชา และชาวบ้านบางส่วนได้นำแป้งมาโรยตามลำเรือ เพื่อหวังว่าจะได้พบเห็นเลขเด็ดเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งในงวดนี้เลขที่จะมีการนำไปเสี่ยงโชคคือ 065 , 329
นายสุพิศ จิตตรา หรือเต้ว อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นผู้พบเจอ เล่าว่า เที่ยงวันของวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ร่างกายตนมีอาการวูบๆวาบๆ ใจสั่นๆ หายใจไม่สะดวก เหมือนถูกอะไรมาดลจิตดลใจให้ไปที่แม่น้ำตรังในทันที จึงได้เดินจากบ้านระยะทาง 1 กม. เพียงคนเดียว โดยไปลงเรือซึ่งเป็นของตนเองที่เทียบอยู่ริมแม่น้ำตรัง ก่อนจะพายเรือไปที่จุดดังกล่าว ห่างจากตลิ่งไปในแม่น้ำประมาณ 4 เมตร ซึ่งเห็นว่ามีวัตถุบางอย่างสีดำ คล้ายขอนไม้ โผล่เหนือผิวน้ำมาเล็กน้อย ประกอบกับว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้งน้ำภายในลำคลองก็ลดระดับลงอย่างมาก ลึกประมาณหัวเข่า ก่อนจะพบว่าเป็นท้องเรือคว่ำอยู่ในแม่น้ำ และเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ หลังจากพบเห็นว่าเป็นเรือ อาการที่เป็นก่อนหน้านั้นทั้งวูบๆวาบๆ กลับหายเป็นปริทิ้งในทันที
หลังจากนั้นตนได้ลงไปในน้ำ เพื่อขุดเรือดังกล่าวที่คว่ำอยู่ ที่มีดินทรายอยู่ในลำเรือ เพื่อให้ลอยขึ้นมา แต่ปรากฏว่ายิ่งขุดออกทรายและดินกลับถูกกระแสน้ำซัดเข้าไปในลำเรือเหมือนเดิม จนเกิดความท้อแท้ เลยได้อธิษฐานถึงเจ้าของเรือลำดังกล่าว รวมไปถึงแม่ย่านางเรือว่าขอให้เรือลอยขึ้น จะได้ไม่ต้องจมอยู่ในน้ำ หลังเสร็จจึงได้ไปจับบริเวณแคมเรือเพื่อดึงขึ้นปรากฏว่าเรือที่หนัก สามารถดึงขึ้นและพลิกให้ลอยขึ้นมาได้ เสมือนกับว่ามีคนมาช่วยพลิก
ขณะที่ นายชาลี แท่งทอง อายุ 55 ปี ผู้ที่ไปช่วยยกลำเรือดังกล่าวขึ้นจากน้ำ กล่าวว่า หลังจากที่นายสุพิศ พลิกเรือดังกล่าวให้ลอยได้แล้ว จึงได้ขอช่วยตนให้มานำเรือกลับเข้าฝั่ง ขณะนั้นเรือได้ลอยน้ำล่องมาอย่างเบาลิ่ว ก่อนจะช่วยกันยกใส่หางลากพ่วงมาไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งจากการสันนิษฐานประกอบกับข้อมูล ทราบว่า ในอดีตปู่ย่าตายาย เล่าว่าภายในแม่น้ำตรัง จะมีท่าเรือตาแสง และท่าเรืออื่นๆ และจะมีเรือสินค้าต่างๆล่องมาขายสินค้า จึงคิดว่าเรือดังกล่าวเป็นเรือสินค้า หรือของพ่อค้าแม่ค้าที่ล่องเรือมาขายของในสมัยอดีต
นายประดิษฐ์ ศรีบุญนาค หรือหมอสิทธิ์ เจ้าของบ้าน กล่าวว่า หลังจากได้เอาเรือมาตั้งไว้ที่บ้าน ก็ได้มีการอธิษฐานให้ตนถูกหวย หากถูกก็จะสร้างศาลาให้เรือลำนี้อยู่โดยไม่ถูกแดดถูกฝน แต่ก็ยังอยากให้กรมศิลปากร หรือผู้เชียวชาญเข้ามาตรวจสอบ และถ้าอยากจะเอาไปศึกษาก็ยินดี โดยชาวบ้านจำนวนมากได้เข้ามาดูกัน จนมีคนเห็นเลขตัวตรงสีแดง ถูกหวยงวดที่แล้วด้วยจากเรือลำนี้
ส่วนตัวสันนิษฐานว่า ตนอายุ 65 ปีแล้ว ท้ายของเรือ ที่ชูโด่งขึ้นมาลักษณะเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในอดีตภายในแม่น้ำตรังก็มีการพบเจอเรือมาเป็น 10 ลำ แต่ไม่มีเรือลำไหนมีท้ายเรือโด่งเช่นนี้ จึงสันนิษฐานได้ว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี และน่าจะอยู่ในช่วงก่อนยุคกรุงศรีอยุธยา.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี