เกษตรกรปลูกผักในจังหวัดตรังทำใจกับสภาพภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้ผักที่ปลูกเสียหายจากที่เคยมีรายได้วันละ 500-600 บาทลดลงเหลือ 100-200 บาทค่อวัน

วันนี้ (1 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดตรังยังคงไม่บรรเทาลง ถึงแม้ว่าจะมีการทำฝนหลวงเพื่อช่วยให้ฝนตกก็ตาม แต่ฝนก็ตกลงมาเป็นบางแห่งเท่านั้นและฝนตกไม่นานก็หยุดตก การที่ฝนตกไม่นานนั้น ยิ่งทำให้ไอความร้อนจากพื้นดินลอยขึ้นมา บางพื้นที่ก็ทำให้สภาพอากาศร้อนเพิ่มขึ้น ประชาชนเองก็ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวและฝนทิ้งช่วงมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และสภาพอากาศร้อนมากขึ้นตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา

นางสร้อย คงเพิ่ม อายุ 65 ปี อยู่หมู่ 11 ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เกษตรกรที่ยึดอาชีพปลูกผักมานานนับ 10 ปี บอกว่าปีนี้แล้งยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยตนเองมีการปลูกผักกาด ผักบุ้ง มะเขือและถั่วพู บนเนื้อที่ 3 งาน ผลผลิตนั้นเสียหายจำนวนมากปัญหาภัยแล้ง ถึงแม้ว่าตนเองจะปลูกผักที่ใช้น้ำน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถต้านทานภัยแล้ง มีเพียงผักบุ้งและผักกาดเท่านั้นที่พอจะเก็บผลผลิตขายได้

ในขณะที่ราคาผักมีราคาดีเนื่องจากผักออกสู่ท้องตลาดน้อยกว่าปกติ เนื่องจากผักเสียหายจากภัยแล้ง ปกติก่อนที่จะเข้าสู่ภัยแล้งนั้นตนเองมีรายได้วันละ 500-600 บาท แต่ในปัจจุบันมีรายได้ 100-200 บาท

ส่วนการที่ทำฝนหลวงนั้น ฝนที่ตกตกลงมานั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีช่วยลดความร้อนแต่ผลเสียนั้นทำให้ผักเสียหายเนื่องจากไอร้อนที่พุ่งขึ้นมาทำให้รากผักและใบผักก็เสียหายด้วย  ในขณะที่เกษตรกรที่ปลูกผักใกล้ๆกันนั้นก็หยุดปลูกผักชั่วคราวในช่วงแล้งนี้หลายราย  รอให้เข้าสู่ฤดูฝนตามปกติก่อนถึงจะลงมือปลูกผักใหม่ - 003