8 พ.ค.67 เพจเฟซบุ๊ก กระทู้เด็ดพันทิป ได้โพสต์ถึงกระทู้หนึ่ง โดยหญิงสาวรายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า "มารู้ทีหลังว่าแฟนที่คบด้วยกันติด HIV จะทำยังไงคะ"
เธอได้ตั้งกระทู้ในพันทิปมีข้อความระบุว่า "สวัสดีค่ะ พอดีตอนนี้เรามีปัญหาทุกข์ใจตรงที่ว่าเราไปมีอะไรกับแฟนที่เพิ่งคบกัน มีอะไรกันสองครั้ง ครั้งแรกได้ไม่ได้ใส่ถุงแถมหลั่งในตอนรอบสอง ส่วนครั้งที่สองมีอะไรแบบป้องกันโดยใส่ถุงแล้วไม่ได้หลั่งใน แฟนคนนี้เราคุยมาก่อนสองสามเดือนเจอกันแต่ก็ไม่ได้มีอะไรกันมามีตอนหลังๆที่ตัดสินใจคบ อีกอย่างทำงานโรงพยาบาลก็ไม่นึกว่าเค้าจะมาใช้บริการรักษาตลอด จนมีอะไรกันก็มีแปลกใจบ้างน้องชายเขาเหมือนกันจะแข็งแต่ก็ไม่แข็ง เราก็เลยถามเขาว่ามีโรคประตัวมั้ยเพราะเห็นลงรูปเข็มฉีดยาเบาหวานเขาก็ยอมรับแต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปดูประวัติการรักษาเขานะคะ
จนกระทั่งเราจะเข้าไปดูนัดหมอให้เขาปรากฏว่าเขาเคยขึ้นทะเบียนรับยาต้านเมื่อ 4-5 ปีก่อน ตอนเราเจอเราต้องตกใจมากทำอะไรไม่ถูกจนถามเขาให้เขาพูดความจริงเขาก็ยอมรับว่าเขาเป็น HIV กินยาครบตลอดไม่เคยขาดบวกกับไม่กล้าบอกเราเพราะกลัวว่าจะเสียเราไปกลัวว่าเราจะรับไม่ได้..ซึ่งการที่เรามารู้ทีหลังเราเสียใจมากๆแถมครั้งแรกก็ไม่ได้ป้องกันอย่างงี้เรามีโอกาสจะติดมั้ยคะ พี่เขาก็ขอโทษขอโอกาสเราถึงขั้นจะขอกราบเท้าให้ให้อภัยเรายิ่งร้องไห้ตกใจหนักไปอีกแต่ก่อนเค้ามาเจอเราเขาก็บอกว่ามีไรกับคนอื่นซื้อกินเอาแล้วก็ใส่ถุงตลอด..เรายิ่งเสียใจไปอีกว่าทำไมกับเราเค้าไม่ป้องกัน..รู้สึกพลาดและเครียดมากๆคือเราใจไม่กว้างพอที่อยากจะไปต่อพอเจออะไรแบบนี้ละที่สำคัญไม่อยากติดเลยค่ะยิ่งทำงานในโรงพยาบาลด้วยเรากลัวหน้าที่การงานจะเสียถ้าติดขึ้นมา
อยากให้เพื่อนๆช่วยแนะนำแนวทางหน่อยค่ะจะทำยังไงต่อดีหรือใครเจอประสบการณ์นี้มาเล่าสู้กันฟังที่ค่ะ เดี๋ยวเราจะไปตรวจเลือดด้วยไม่ยอมนิ่งนอนใจแน่นอน เครียดมากๆเลยค่ะขนาดหันหน้าคุยกับแฟนแล้วก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี"
อย่างไรก็ตามเมื่อกระทู้ถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นแนะนำหลากหลาย แต่ส่วนมากไปในทิศทางเดียวกัน คือ ให้เธอไปตรวจเลือดด่วนที่สุด และเลิกกับแฟน เพราะการที่แฟนไม่ยอมบอกกับเธอนั้น ถือเป็นการเห็นแก่ตัว ซ้ำยังนำเชื้อมาให้เธอโดยที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีเชื้อแต่ก็ไม่ได้ป้องกันใดๆ ถือเป็นการตั้งใจที่จะให้เธอติดเชื้อ HIV ด้วย
ทั้งนี้ คนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ ก็เค้าอยากให้คุณติดเหมือนเค้าไงครับ จะได้ไม่ไปไหน กราบเท้าอะไรนั่นมันก็แค่ละคร, คุณคิดดูดีๆนะ ถ้าเขารีบบอกคุณหน่อย อย่างน้อยคุณยังมีโอกาสรับยา PEP ตอนนี้คุณไม่เหลือโอกาสอะไรเลย ไปตรวจเลือดรอลุ้นเอา คนแบบนี้อย่าว่าแต่ให้โอกาสคบต่อเลย ควรเอาเข้าคุกด้วยครับ ถ้ากฎหมายเอาผิดไม่ได้ ก็ต้องลงโทษทางสังคม เอาให้รู้ทั้งออฟฟิศ, ตั้งสติไปตรวจเลือดก่อน, เห็นแก่ตัวมาก มีเชื้อก็ควรจะบอก ไม่ใช่เห็นแก่ตัวกลัวจะเสีย คุณไปเลยไม่บอก แล้วถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมาอีกคน ทำยังไง ส่วนคุณเองก็ประมาทเพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน ไปสดกับเขาแล้ว โดยที่ไม่ป้องกัน ยังไม่รู้จักเขาดีพอ, มารู้ตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว แฟนเหมือนตั้งใจแพร่เชื้อให้ก็คุณ ไปตรวจเลือด ถ้าไม่พบก็ ถือว่าโชคดี, เลิกแล้วรีบไปรับยาต้านครับ
ผู้ชายคนนี้เลวมากทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็น HIV เจตนาเค้าคือตั้งใจแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อ ซึ่งตอนนี้ไม่รู้โดนไปกี่คนแล้ว และคุณคือหนึ่งในเหยื่อของเค้า, ถ้าเป็นเราเราเลิกนะ เรามองว่าเขาเห็นแก่ตัว ต่อให้ตรวจแล้วเป็นเราก็เลิก "แถมครั้งแรกก็ไม่ได้ป้อง" คือต่อให้เขารับยาต้าน แต่รู้แก่ใจดีว่าตัวเป็น แย่มากๆเลยนะ(อยากใช้คำแรงกว่านี้)ที่ไม่ป้องกัน มันมีคนบางจำพวกนะ ที่อยากให้แฟนติดไปด้วย เพราะคิดว่าแฟนจะได้ไม่ไปไหนเพราะเป็นเหมือนกัน เป็นต้น
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี