โหรดังฯเผยดวงเมืองไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ น่าห่วงต้องระวังอย่างหนักเรื่องภัยจากไฟและน้ำ แม้กระทั่งทำเนียบ หรือสภาฯ สถานที่เก็บเอกสารสำคัญอาจถูกไฟไหม้  เตือนยาวไปจนถึงเดือนมกราฯปีหน้าอาจเกิดสึนามิ โดยเฉพาะช่วงจะสิ้นปีเข้าสู่ภพวินาศ   คนหมู่มากชนชั้นรากหญ้ากรรมาชีพจะเดือดร้อนหนักจนถึงลุกฮือหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่

16 พ.ค.67 นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ได้พยากรณ์ดวงเมืองในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไปดวงเมืองยังต้องระวังหนักภัยจากไฟและน้ำ นอกจากนี้ สภาฯ และทำเนียบ ต้องระวังภัยจากไฟรวมถึงสถานที่ราชการจัดเก็บเอกสารสำคัญอาจเกิดไฟไหม้ ขณะที่ประชาชนต้องระวังภัยทางน้ำหรือสึนามิช่วงโดยเฉพาะวันที่ 17 มกราคมปีหน้า ส่วนรัฐบาลนโยบายต่างประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ อาจนำไปสู่เหตุต่างชาติก่อการร้าย วินาศกรรม

โดยนายภิญโญ ทำนายว่า นับช่วงนี้ถึงสิ้นปี 2567จะเหลืออยู่ 2 ครั้งวันที่ 18 กันยายน เวลา 19.44 น.จะเกิดจันทรุปราคาบางส่วน ส่งผลตรงราศีมีน ในภพที่ 12 ในดวงเมือง ซึ่งเป็นภพวินาศ ซึ่งเป็นอุปราคาในราศีมีน(ธาตุน้ำ) จึงทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับน้ำ เช่น น้ำแล้งหรือฝนตกมาก อุทกภัย อุบัติเหตุทางน้ำ หรือเจ็บไข้ได้ป่วยจำนวนมาก คนสำคัญถึงแก่กรรม ประชาชนชนชั้นกรรมาชีพ รากหญ้าจะเดือดร้อน เกิดความไม่พอใจมีปัญหาคนหมู่มากจะเกิดการประท้วงนัดหยุดงานครั้งใหญ่ หยุดให้บริการแก่รัฐ นำความอับโชคเศร้าโศก ความเสื่อมโทรมมาสู่ประเทศ ผู้ปกครองชนชั้นสูงหรือรัฐบาล ซึ่งโรงพยาบาล สถานการกุศล โรงงาน ราชทัณฑ์(เรือนจำ)อาจถูกกระทบกระเทือน เกิดอาชญากรรมลึกลับที่ยากแก่การสืบสวนสอบสวนเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ จันทรุปราคาทำให้ประเทศเผชิญกับศัตรูลึกลับจากต่างด้าว ซึ่งอาจจะหมายถึงประเทศไทยเป็นพื้นที่ถูกใช้ในการก่อวินาศกรรมในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งปรากฏการณ์สุริยุปราคาจะทำให้เกิดวงแหวนอีกครั้งในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 01.40 น.เกิดสมผุดตรงราศีกันย์(ธาตุดิน) จึงทำนายว่าจะเกิดความเสียหายให้กับดินและพืชผลทางการเกษตร เกิดแผ่นดินไหวแผ่นดินถล่ม แผ่นดินทรุด การเกษตรกรรมเสียหาย การค้าธุรกิจเสียหายถูกกระทบกระเทือน  และความอับโชคแก่รัฐบาล เพิ่งจะอาจทำให้เกิดฝนแล้งตามหลัง

ทั้งนี้ การเกิดสุริยุปราคาในราศีกันย์ ซึ่งเป็นภพที่ 6 ของดวงเมือง จะส่งผลสุขภาพของดวงเมืองคือปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ มีโรคระบาดติดตามมา อาจเกิดการว่างงาน เกิดปัญหาขัดใจระหว่างลูกจ้างให้บริการของรัฐกับนายจ้างนัดหยุดงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบกระเทือนต่องานที่ให้บริการกับประชาชน

ดาวอังคารกุมกับดาวราหูตรงราศีมีน  จะอยู่จนถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2567 ซึ่งตามตำราจะพยากรณ์เรื่องการเกิดไฟไหม้ อัคคีภัย จะเกิดอย่างรุนแรง  ทั้งนี้ แม้ดาวอังคารจะย้ายจากราศีมีนยกเข้าราศีเมษ(ธาตุลม) จึงเป็นลมบรรลัยกัลป์ที่มีสภาพแห่งไฟ ปัญหาเรื่องไฟจึงยังไม่จบ โดยดาวอังคารกุมราหูและไปทับดาวพระอาทิตย์ และทับลัคนาเมือง ตั้งแต่ 2 มิถุนายน จะอยู่ไปจนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 โดยครั้งนี้จะเป็นการเกิดไฟไหม้สถานที่ราชการสถานที่สำคัญ ดังนั้น สภา ทำเนียบ จะต้องระมัดระวัง  และสิ่งของสำคัญ จัดเก็บเอกสารสำคัญอาจถูถไฟไหม้

โดยพระอังคารช่วงวันที่ 19 ตุลาคม 2567 ย้ายจากราศีมิถุนเดือนหน้าเข้าสู่ราศีกรกฎ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิธีถอยหลังในราศีมิถุน จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 จนกระทั่งวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จึงเดินหน้า ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาอุบัติเหตุและอุบัติภัยเกี่ยวกับน้ำและลมที่ร้ายแรง ช่วงที่ต้องระมัดระวังอย่างมากคือ 6 ธันวาคม 2567 ถึง28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเฉพาะช่วงวันที่ 17มกราคม ปีหน้า อาจเป็นภัยเกิดจากน้ำหรือลม ซึ่งอาจรุนแรงคล้าย"สึนามิ "

การที่ดวงเมืองมีดาวราหูในภพที่ 12ซึ่งดาวเสาร์ทำฉากกับดาวมฤตยู แต่ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองคือดาวพฤหัส อย่างไรก็ยังน่าหวั่นว่าจะถูกใช้เป็นพื้นที่ก่อการร้าย วินาศกรรม ทำจารกรรม ดังนั้นตราบใดที่ดาวยังอยู่ในลักษณะนี้ก็จะก่อให้เกิดความตึงเครียดและทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพราะเมื่อระยะเวลาที่ดาวพระพฤหัสบดีโคจรไปทันดาวมฤตยู และดาวพระอาทิตย์โคจรไปทันพระพฤหัสบดีทำให้พฤหัสบดีดับและดาวมฤตยูก็ดับด้วย ดังนั้น เดือนพฤษภาคม 2567 ก็เป็นเดือนที่ต้องระมัดระวัง และในช่วงเดือนมิถุนายนดาวอังคารก็ไปทับดวงเมืองก็ยิ่งต้องระวังเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น นโยบายต่างประเทศของประเทศไทยจึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ