อลังการขบวนแห่บั้งไฟ เมืองเก่าไชยบุรีชุมชน 200 ปี ต้นตระกูลไทยญ้อ ตื่นตาพิธีอัญเชิญเจ้าพ่อโต่ง รมช.คมนาคมหนุนท่องเที่ยวสำคัญ
บุญบั้งไฟเป็นประเพณีขอฟ้าฝน ที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวอีสาน โดยจัดกันในเดือนหก ตามปฏิทินทางจันทรคติ คือ ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 -แรม 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งคนไทยให้ความสำคัญกับเดือนหกเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ฤดูฝนกำลังเริ่มต้นขึ้น ชาวบ้านจะจุดบั้งไฟเป็นการบูชาขอให้พญาแถนบันดาลฝนให้ตกลงมา
เช่นที่ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถือเป็นชุมชนต้นกำเนิดชนเผ่าไทยญ้อในประเทศไทย ดร.เดือน-มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และ ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมเปิดงานสืบสานประเพณีไหว้หลวงพ่อใหญ่ จุดบั้งไฟบูชาพญาแถน เป็นงานประเพณีท้องถิ่น ที่จัดสืบทอดกันมาตั้งแต่ตั้งชุมชน เพื่ออนุรักษ์ วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม รวมถึงสืบสานความเชื่อชาวอีสาน ในการจุดบั้งไฟบูชาพญาแถน เพื่อขอฟ้าขอฝนตกต้องตามฤดูกาล ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ โดย รมช.คมนาคม และ ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนให้เป็นงานประเพณีสำคัญท้องถิ่น ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว
สำหรับการจัดงาน มีไฮไลท์สำคัญในการเปิดงาน คือ อัญเชิญเจ้าพ่อโต่งลงหอ ที่มีศาลตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง รวมถึงเจ้าพ่อเสน เจ้าพ่อเฒ่า ผู้ปกปักษ์รักษาคุ้มครองเมืองไชยบุรีมาแต่โบราณ ตลอดจนชาวลุ่มน้ำโขงตลอดแนว มาประทับร่างนางเทียม เพื่อพบปะให้พรลูกหลานสืบกันมาอย่างต่อเนื่องไม่เคยเว้น และการแสดงของลูกหลานเยาวชน ไปจนถึงการแสดงรำเซิ้งบุญบั้งไฟ ที่สร้างความสวยงาม ตื่นตา อลังการ แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงสีสันความสนุกสนาน แสดงออกถึงความโดดเด่นของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีขบวนแห่ของชาวบ้านกว่า 20 หมู่บ้าน การประกวดสาวงามเทพีบั้งไฟ ประกวดรำเซิ้งบั้งไฟ และจุดบั้งไฟบูชาพญาแถนตามประเพณีความเชื่อ
ทั้งนี้ บ้านไชยบุรี เดิมชื่อเมืองไชยสุทธ์อุตมบุรี หรือเมืองไชยะบุรี อยู่ในเขตการปกครองของเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในสมัยนั้น มีท้าวหม้อและนางสุนันทา เป็นหัวหน้าไทยใหญ่ชาติพันธุ์ไทญ้อ(ย้อ) ได้พาบุตรและบ่าวไพร่ อพยพลงมาตามแม่น้ำโขง จึงได้สร้างเมืองขึ้นมา และตั้งชื่อว่าเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี ขึ้นตรงต่อเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งขณะนั้นเวียงจันทน์ขึ้นตรงต่อประเทศไทย ตามหลักฐานระบุว่าสร้างเป็นชุมชนเมื่อปี พ.ศ.2351 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ ท้าวหม้อกลัวภัยจึงอพยพพาครอบครัวบ่าวไพร่หนีไปเมืองปุงลิง เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรีจึงกลายเป็นเมืองร้าง รัชกาลที่ 3 จึงได้มีท้องตราราชสีห์แต่งตั้งให้ราชวงศ์เสนซึ่งเป็นตระกูลเสนจันทร์ฒิไชย มาเป็นไชยราชวงษาปกครองเมืองฯ หลายปีต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองไชยบุรี และยกฐานะเป็นอำเภอไชยบุรี กระทั่งปี พ.ศ.2450 ยุบอำเภอไชยบุรีเป็น ต.ไชยบุรี ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งในเขต อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
เนื่องจากราชวงศ์เสนมาจากยโสธร ได้นำเอาประเพณีบุญบั้งไฟมาด้วย จึงทำให้มีการจัดประเพณีบุญบั้งไฟมาโดยตลอดจน บุญบั้งไฟเป็นงานที่จัดเพื่อจุดถวายพญาแถน เพื่อขอฝนตกต้องตามฤดูกาล ชาวไชยบุรีเชื่อว่า ถ้าไม่จัดงานบุญบั้งไฟแล้ว จะไม่มีน้ำพอที่จะทำนา และยึดถือเป็นงานสำคัญทางศาสนาในท้องถิ่นที่แฝงไว้ด้วยความหมายในทางขอฝนเทวดา เพื่อการกสิกรรม ทำไร่ ทำนา จึงได้ถือเอาช่วงบุญเดือนหกของทุกปี จัดกิจกรรมประเพณีบุญบั้งไฟขึ้นดังกล่าว
นอกจากนี้ ต.ไชยบุรี มีชัยภูมิตั้งอยู่บริเวณจุดแม่น้ำสงคราม ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง จึงเรียกบริเวณนั้นว่าปากน้ำไชยบุรี หรือแม่น้ำสองสี มีปลาชนิดหนึ่งชุกชุมมาก ชาวบ้านเรียกว่าปลาโด จนชาวบ้านจับมากินได้ทุกวัน เมื่อเหลือก็นำไปขาย แต่ไม่มีใครสนใจเพราะปลาชนิดนี้สมัยนั้นหาง่ายในลุ่มน้ำสงคราม ชาวบ้านจึงนำมาดัดแปลงเป็นส้มปลาโด มีรสชาติอร่อย เนื้อปลาแน่น ห่อด้วยใบตอง เก็บไว้ได้นานโดยรสชาติไม่เปลี่ยน รับประทานโดยการนึ่ง ย่าง ทอด จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน โดยพบว่าส้มปลาโด มีความโดดเด่นไม่เหมือนที่ไหน จึงมีการผลักดันนำออกสู่ตลาด และได้มาตรฐานสินค้าโอทอป ระดับ 5 ดาว ยืนยันความอร่อย สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ นอกจากนี้ยังต่อยอดสร้างผลิตภัณฑ์ปลาร้าตัวใหญ่ ส้มแหนมเนื้อวัว ซึ่งได้มาตรฐานโอทอปเช่นเดียวกัน
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี