ชาวไทยเชื้อสายเวียดนามในนครพนมจัดงานรำลึก134ปี 'ลุงโฮ' ผู้ปลดแอกเวียดนามลูกหลานสุดปลื้มพำนักในไทย 7 ปีเต็ม ก่อนหวนไปทวงคืนเอกราชสำเร็จ
สืบเนื่องในวันที่ 19 พฤษภาคมของทุกปีถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามคือเป็นวันเกิดของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ บุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการประกาศอิสรภาพของชนชาติเวียดนาม ดังนั้น เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมเวียนมาถึง ชาวเวียดนามทั่วทุกมุมโลก จะร่วมใจกันจัดงานรำลึกถึงวีรบุรุษผู้ปลดแอกจากการครอบครองของจักรวรรดิฝรั่งเศส
เช่นเดียวกับที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์ อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ได้จัดพิธีรำลึก 134 วันคล้ายวันเกิดประธานโฮจิมินห์ ประจำปี 2567 โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายฟาม เวียด ฮุ่ง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำประเทศไทย นายจู ดึก หยุง กงสุลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประจำจังหวัดขอนแก่น นายสุทิน พัชระนาคิน นายกสมาคมชาวเวียดนามแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมไทย-เวียดนาม จ.นครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ร่วมในพิธีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ในการนี้จัดให้มีการทำบุญตักบาตรของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม และพิธีวางช่อดอกไม้ วางพวงมาลาเคารพรูปหล่อประธานโฮจิมินห์ พร้อมทั้งมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนในพื้นที่ จำนวน 50 ทุน เหมือนที่เคยปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี และการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม สามารถเล่าถึงความเป็นมาจากอดีตถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 ยังเป็นวันครบรอบ 21 ปี ในการก่อสร้างหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม โดยสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 ในช่วงรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้เป็นสถานที่สำคัญเชิงประวัติศาสตร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา
โดยอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2559 โดยทาง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ได้สนับสนุนเงินงบประมาณจำนวน 45 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างอนุสรณ์ของลุงโฮ ณ บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม บนเนื้อที่ 5 ไร่เศษ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ โดยได้สร้างอาคารที่ตั้งรูปเหมือนประธานโฮจิมินห์ และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเส้นทางการกอบกู้เอกราช พร้อมมีการสร้างหุ่นขี้ผึ้งลุงโฮ จำลองวิถีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-เวียดนาม อีกทั้งยังได้สร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวชายแดน ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่สำคัญของ จ.นครพนม
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 ที่ชาวเวียดนามเคารพนับถือเสมือนบิดาชนชาติเวียดนาม โดยได้เข้าสู่เส้นทางการต่อสู้เพื่อทวงคืนเอกราช เนื่องจากทนเห็นการกดขี่ของเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสไม่ไหว จึงเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายหลังรัฐบาลก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ค กวาดล้างกลุ่มสังคมนิยมลุงโฮจึงหลบหนีจากจีน เดินทางมายัง จ.นครพนม ประเทศไทย โดยมีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ว่า ลุงโฮพำนักอยู่บ้านนาจอก ตั้งแต่ปี 2466-74 รวมเวลา 7 ปีเต็ม ก่อนที่จะเดินทางไปหลบซ่อนอีกหลายประเทศ
กระทั่งปี 2484 จึงหวนกลับไปเวียดนาม เพื่อรวบรวมสมาชิกร่วมปลดแอก จนสามารถประกาศจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสำเร็จ และในวันที่ 2 กันยายน ปี 2488 จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย ได้ยอมสละราชบัลลังก์ หลังจากนั้นต่อมาลุงโฮนำสมาชิกต่อสู้กับจักรวรรดิฝรั่งเศสจนถึงปี 2497 จึงประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามเดียนเบียนฟู พร้อมก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้งนี้ลุงโฮได้เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2512 ที่บ้านพักในกรุงฮานอย รวมสิริอายุ 79 ปี ปัจจุบันร่างลุงโฮบรรจุอยู่ในโลงแก้วที่จัตุรัสบาดิงส์ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เคารพและศึกษา - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี