หลายพื้นที่เริ่มมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องส่งผลดีทำให้เกิดความชุ่มชื้นขึ้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เผยคลิปภาพ ช้างป่าจำนวน 3 โขลงใหญ่กำลังออกหากินหญ้าที่งอกแตกยอดใหม่ บริเวณทุ่งหญ้าเขากระป็อด ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งเป็นจุดบริเวณเดียวกันที่ก่อนหน้านี้ มีฝูงกระทิงป่ากว่า 30 ตัว ได้ออกมาหากินหญ้า
วันที่ 31 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพช้างป่าจำนวน 3 โขลง รวมกว่า 50 ตัว มีทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก กำลังออกหากินหญ้าที่แตกยอดกอมาใหม่ ที่บริเวณทุ่งหญ้าเขากระป๊อด ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคลิปภาพที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) บันทึกภาพโดย นายสมพงษ์ สุโขพันธ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้ถ่ายภาพไว้ได้ขณะออกลาดตระเวนดูแลรักษาความสงบภายในผืนป่าดงใหญ่ ได้นำมาเผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ้ค ‘สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา)’ และที่เพจเฟซบุ้ค ‘เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์’
พร้อมระบุแคปชั่นว่า ‘ตื่นตา พบช้าง 3 โขลง หากินที่เขากระป็อด ดงใหญ่ บุรีรัมย์ วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 นายสมส่วน รักสัตย์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดงใหญ่ รายงานว่า พบโขลงช้าง 3 โขลง ออกมากินหญ้าที่บริเวณทุ่งหญ้าเขากระป๊อด ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจากเจ้าหน้าที่นับจำนวนช้าง มีสมาชิกในโขลง 25, 18,และ 8 ตัว ตามลำดับ’ และแคปชั่น ฝูงช้างป่าออกมาหากินบริเวณทุ่งหญ้าป่าเขากระป็อด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่
สอบถาม นายสมส่วน รักสัตย์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ ได้ให้ข้อมูลว่า ช้างป่าดังกล่าวเป็นโขลงช้างที่หากินกันเป็นครอบครัว ซึ่งจะสังเกตเห็นมีช้างทั้งตัวใหญ่เป็นพ่อแม่ช้าง ส่วนช้างตัวเล็กจะเป็นลูกช้าง โดยก่อนหน้านี้โขลงช้างป่าดังกล่าว จะหากินอยู่ในเขตป่าลึก เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและภัยแล้ง แต่พอมาในห้วงระยะนี้ได้เกิดฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ป่าดงใหญ่ และบริเวณเขากระป็อด มีลานทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ จึงเป็นแหล่งอาหารอย่างดีสำหรับสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าดงใหญ่ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ของผืนป่าดงใหญ่ และสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ได้ออกมาหากินหญ้า โดยก่อนหน้านี้พบว่ามีฝูงกระทิงป่ากว่า 30 ตัว ได้ออกมาหาเล็มกินหญ้าในบริเวณทุ่งหญ้าของเขากระป็อดแห่งนี้ด้วย และครั้งนี้ก็พบช้างป่าถึง 3 โขลงใหญ่ ที่มีจำนวนรวมกันกว่า 50 ตัว ได้มาหากินหญ้า
หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ ยังได้ให้ข้อมูลด้วยว่า สำหรับป่าดงใหญ่แห่งนี้ เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีเนื้อที่กว่า 6 แสนไร่ เป็นป่าที่มีอุดมสมบูรณ์แห่งสุดท้ายของ จ.บุรีรัมย์ และเป็นยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของ จ.บุรีรัมย์ อีกทั้งยังพบว่ามีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่อย่างชุกชุม และยังได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลก ทางธรรมชาติจากยูเนสโก ภายใต้ชื่อ ‘กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่’อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากนักท่องเที่ยว หรือผู้รักธรรมชาติ ที่สนใจอยากจะเข้าไปชมหรือส่องสัตว์ป่า จะต้องติดต่อประสานงานมา ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ เบอร์โทร 044-666209 ก่อนเพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้จัดให้เข้าชม และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และเพื่อความปลอดภัย เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สนองตามนโยบายของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยสัตว์ป่าที่จะสามารถชมได้ช่วงนี้จะเป็นช้างป่า กระทิงป่า เก้ง กวาง และกระจง รวมถึงสัตว์ป่าอื่นๆ
ทั้งนี้ สำหรับ ‘ช้างป่า’ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ได้รับการระบุว่าอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ (Endangered: IUCN 2008) และมีชื่อในบัญชีที่ 1 ของไซเตส (CITES) โดยเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูงที่ระดับหัวไหล่ประมาณ 2.5 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 3-4 ตัน ช้างเป็นสัตว์สังคมอยู่รวมกันเป็นฝูง (โขลง) ลูกช้างเพศผู้จะออกจากโขลงไปหากินโดยลำพังเมื่อมีอายุ 6-7 ปี และจะเริ่มพร้อมผสมพันธุ์เมื่อมีอายุ 10-15 ปี ในช่วงนี้ ช้างเพศผู้จะมีความดุร้าย หรือที่เรียกว่า ตกมัน ส่วนช้างเพศเมีย จะโตเต็มวัย และพร้อมผสมพันธุ์เมื่อมีอายุ 15-16 ปี ตั้งท้องนาน 22 เดือน และตกลูกครั้งละ 1 ตัว โดยแต่ละครอกมีระยะเวลาห่างกัน 4 ปี - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี