น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดตัวนโยบาย “อว. for AI” โดยมี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว.ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและประธานคณะที่ปรึกษา รมว.อว. ด้านยุทธศาสตร์และกิจการพิเศษ รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.อว.ด้านวิทยาศาสตร์ รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.อว. ด้านนวัตกรรม ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. เข้าร่วม พร้อมมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชนชั้นนำของโลกร่วมแสดงผลงานเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย อว. for AIณ ห้องออดิทอเรียม บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. เปิดเผยว่า กระทรวง อว. ได้วิเคราะห์ปัญหาหลักด้าน AI ของประเทศไทยพบว่ามี 2 ปัญหาหลักคือ การขาดแคลนบุคลากรและการประยุกต์ใช้ AI ยังมีน้อยซึ่งกระทรวง อว. ได้หาทางแก้ปัญหา และเตรียมความพร้อมในการใช้ AI เพื่อพัฒนาประเทศ โดยสนับสนุนการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(พ.ศ. 2565-2570) ซึ่งมี 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่1. ด้านจริยธรรมและกฎระเบียบ AI โดยมีเป้าหมายสร้างความเข้าใจและความตระหนักด้านจริยธรรมในการใช้ AI อย่างน้อย 6 แสนคน มีกฎหมาย/ข้อบังคับด้าน AI ที่จำเป็น 2. ด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI เพื่อให้เกิดการลงทุนด้าน AI เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี 3. ด้านกำลังคน AIมีเป้าหมายผลิตกำลังคน AI 3 หมื่นคน 4. ด้านวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม AI ตั้งเป้าสร้าง 100 นวัตกรรม AI ที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ 4.8 หมื่นล้าน และ 5. ด้านการส่งเสริมธุรกิจและการใช้ AI โดยมีการใช้นวัตกรรม AI ใน 600 หน่วยงานทั่วประเทศ
รมว.อว. กล่าวต่อว่า การนำ AI เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นโอกาส และด้วยนโยบายการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) ของกระทรวง อว. ได้ตั้งเป้าหมายให้นักศึกษาต้องรู้เท่าทัน AI (AI literacy)มีทักษะความเข้าใจและสามารถนำ AI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ (AI competency) รวมทั้งนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยจะต้องมีจริยธรรมในการใช้ AI (AI ethics)
ดังนั้น กระทรวง อว. จึงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย AI โดยการประกาศนโยบาย “อว. for AI” และพร้อมเดินหน้าทำงานทันที เพื่อดำเนินงานใน 3 ด้านหลัก ได้แก่....
1.AI for lifelong learning : AI เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนา AI Teacher and Coach ให้มีแพลตฟอร์มสนับสนุนการเรียนรู้ทุกช่วงชีวิต โดยจะสนับสนุนการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) ที่ตอบโจทย์ทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ต่างๆ โดยเริ่มต้นจากภาษาอังกฤษเพื่ออาชีพ สร้างกำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรม EV และ อุตสาหกรรม AI ในระยะแรก เนื่องจากความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน กระทรวง อว. จึงมีแนวคิดการนำ AI มาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการใช้เครื่องมือสนับสนุนการเรียนการสอนต่างๆ เป็นแนวทางในการเพิ่มจำนวนคนในทักษะที่จำเป็น ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้จะต่อยอดโดยการนำ AI มาทำหน้าที่เหมือนครูหรือโค้ชช่วยเรียนรู้นอกเวลาเรียนในหัวข้อที่ผู้เรียนสนใจ เน้นการพัฒนาทักษะเสริมตามความต้องการส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็ว โดยมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ เช่น e-learning platform ที่รัฐบาลจีนสนับสนุนให้มีการใช้ AI ตอบสนองความต้องการการเรียนรู้เฉพาะคน และเสริมทักษะสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสามารถรองรับนักเรียนกว่า 200 ล้านคน
2.AI workforce development : การพัฒนาบุคลากรด้าน AI และการสร้างพื้นฐานด้าน AI ให้คนไทยในระบบการศึกษาและตลาดแรงงาน โดยจะเร่งดำเนินการ
เพื่อผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด AI โดยเร็ว ผ่านโครงการพัฒนากำลังคนด้าน AI ในทุกระดับ เช่น โครงการขับเคลื่อนการเข้าใจ AI ในระดับประถม มัธยม และอาชีวศึกษา โครงการพัฒนาศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ระดับนานาชาติ โครงการพัฒนากำลังคนด้าน AI สำหรับสถาบันการศึกษากลุ่ม AI degree โครงการ Super AI engineer โครงการ AI สำหรับบุคลากรภาครัฐ และ โครงการ Credit Bank โดยตั้งเป้าให้สามารถผลิตกำลังคนได้ใน 3 ระดับคือ ผู้เชี่ยวชาญ AI (AI professional) วิศวกร AI ที่เข้าสู่ภาคธุรกิจ (AI engineer) และนัก IT หรือวิชาชีพอื่นๆ ที่มีทักษะการใช้เครื่องมือ AI (AI beginner) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 3 หมื่นคนภายใน 3 ปี ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ปัจจุบันมีการขาดแคลนคนทำงานด้าน AI กว่า 8 หมื่นคนแต่คน AI กว่าครึ่งไม่ได้ทำงานด้าน IT และธุรกิจยังมีความต้องการจ้างคนไปทำวิจัยพัฒนาในสัดส่วนที่สูงที่สุด(ร้อยละ 35) และ 3.AI innovation : การสนับสนุนนวัตกรรมAI สู่ตลาด การพัฒนามาตรฐานและทดสอบ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดความแพร่หลาย เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยโดยจะสนับสนุนการทำนวัตกรรมด้าน AI อย่างเต็มที่ ซึ่งผลการสำรวจความพร้อมในการใช้ AI ขององค์กร โดยเนคเทคสวทช. และเอ็ตด้า พบว่าหน่วยงานที่อยู่ระหว่างตัดสินใจใช้ AI ยังขาดความมั่นใจและแรงกระตุ้นที่จะลงทุนและใช้งานอยู่มากกว่าครึ่ง โดยมีสาเหตุมาจากประเทศไทยยังมีการใช้งานน้อย ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และงบประมาณ ทำให้ยังไม่เห็นถึงการใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ในอีกหกปีข้างหน้า AI จะเติบโตขึ้นกว่า 18% ต่อปี ด้วยมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนล้านบาทแต่อุปสรรคที่สำคัญในขณะนี้คือ การนำมาใช้งานได้จริง และยังขาดการสนับสนุนเงินทุนที่เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวง อว. จะเร่งสนับสนุนการนำนวัตกรรม AI มาใช้ให้เกิดการใช้งานจริง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ผ่านกลไกสนับสนุนนวัตกรรมจากหน่วยงานภายใต้ กระทรวง อว. เช่น การสนับสนุนทุนจากกองทุน ววน. ต่อไป
“AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่ AI กำลังมีบทบาทในการเปลี่ยนเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของเรา กระทรวง อว. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และพร้อมมุ่งมั่นให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง นโยบาย อว. for AI จะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการสร้างระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัยไทยให้เป็น Education 6.0 ซึ่งกระทรวง อว. มุ่งมั่นที่จะวางฐานรากและใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป” น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี