สสส. จับมือ ศธ. และ สอศ. จัดกิจกรรมรณรงค์ภายใต้ โครงการ “ปลอดควัน ปอดสะอาด ในอาชีวศึกษา” เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ชู 5 มาตรการปกป้องเด็กและเยาวชน ไม่ให้ได้รับพิษภัยจากผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ สอดคล้องนโยบายองค์การอนามัยโลกในปี 2024 พบสัดส่วนกลุ่มเยาวชนอายุ 15-24 ปีสุบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และแพลตฟอร์มออนไลน์กลายเป็นช่องทางการซื้อขายโดยการจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ส่งฟรี
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม สถาบันการอาชีวศึกษา วิทยาลัยพณิชยการบางนา กรุงเทพมหานคร กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ
สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสํานักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดแถลงข่าวกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2567 ภายใต้โครงการ “ปลอดควัน ปอดสะอาดในอาชีวศึกษา”เพื่อป้องกันเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ
นางสุภัทรา สนิทสม ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนานโยบาย สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เพื่อกระตุ้นให้ทุกๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย ได้เล็งเห็นอันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพ ทั้งผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งปีนี้องค์การอนามัยโลก ยังให้ความสำคัญกับการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ภายใต้คอนเซ็ปต์คือ“ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนจากการแทรกแซงของบริษัทบุหรี่ : บริษัทบุหรี่ หยุดโกหกได้แล้ว”
โดยรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการมุ่งแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้มีผู้หลงผิด โดยเฉพาะนักสูบหน้าใหม่ที่มักเป็นเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา รวมถึงคุ้มครองผู้คนรอบข้างไม่ให้เป็นผู้ได้รับควันบุหรี่มือสอง อาทิ การห้ามขายบุหรี่ให้เด็ก การจำกัดพื้นที่สูบ การจำกัดช่องทางการเข้าถึง และการปรับขึ้นราคาบุหรี่ เป็นต้น
ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า พิษภัยบุหรี่ทำให้คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากถึงปีละกว่า 70,000 คน ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจภาคครัวเรือนปีละกว่า 100,000 ล้านบาท
“นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดให้สถานศึกษาเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และมีมาตรการเข้มข้นเพื่อให้สถานศึกษาเป็นสถานที่สาธารณะ ที่ต้องเป็นเขตปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้สถานศึกษาบริหารจัดการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมไร้ควันบุหรี่ รวมถึงสอดแทรกเรื่องบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในการจัดการเรียนรู้ และให้นักเรียนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนโรงเรียนปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปสู่วงจรนักสูบหน้าใหม่ และช่วยป้องกันรักษาสุขภาพของทุกคนในสถานศึกษา” ดร.สิริพงศ์ กล่าว
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทยเพิ่มสูงขึ้น จากผลการสำรวจของการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทย (Global Youth Tobacco Survey : GYTS) ปี 2565 พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จาก 3.3% เพิ่มเป็น 17.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า จากปี 2558
โดยงานวิจัยที่ติดตามคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี ผลวิจัยเทียบกับคนไม่สูบหรี่พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงเกิดอาการผิดปกติของทางเดินหายใจ และโรคถุงลมโป่งพอง และพบว่า ไอบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มความเสี่ยงทำให้เซลล์ของปอดตาย ทำอันตรายต่อสารพันธุกรรม (DNA) และกดการทำงานของยีนที่เกี่ยวกับภูมิต้านทานของปอด ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการผิดปกติของปอดและโรคถุงลมโป่งพอง
ทั้งนี้ สสส. ได้สนับสนุน 5 มาตรการเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไม่ให้ได้รับพิษภัยจากผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ได้แก่ 1.การพัฒนาและจัดการองค์ความรู้ 2.สร้างความตระหนักรับรู้โทษ พิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็ก เยาวชน และประชาชน 3.เฝ้าระวังและการบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 4.การพัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายเพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า และ 5.การยืนยันนโยบายและมาตรการป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า
“มีการเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ปี 2567 เกี่ยวกับการเฝ้าระวังบุหรี่ไฟฟ้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่างใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเน้นสร้างการรับรู้ของตัวผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า การรักษาลูกค้าด้วยการจัดส่งฟรี แจก-แถม และลดราคา ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายมากขึ้น โดยมีแนวโน้มของการออกแบบผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าเน้นให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ความชอบของคนรุ่นใหม่ แบบเรียบง่ายแฝงความสวย เท่ มีขนาดที่พกพาง่าย” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
นางสาวรุ่งนภา ปุณยานุเดช ผู้อำนวยการวิทยาลัยพณิชยการบางนา กล่าวว่า เยาวชนคือกลุ่มเสี่ยงต่อสิ่งเสพติดมาก ดังนั้นการจะแก้ปัญหาบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า จำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน ด้วยการสร้างเสริมพฤติกรรม ทัศนคติที่เหมาะสมต่อช่วงวัย โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในวิทยาลัย ผ่านโครงการ “ลดเหล้าลดบุหรี่ พัฒนาเด็ก Gen Z ให้มีคุณภาพ” โดยการนำดนตรีโฟล์กซอง และการเพ้นท์ผ้าดิบ มาเป็นกิจกรรมหลักในการชักชวนให้นักศึกษาหันมาให้ความสนใจ และจัดประกวดเพื่อชิงรางวัล ซึ่งได้สอดแทรกการสร้างการรับรู้โทษของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงสิ่งเสพติดทุกประเภท เพื่อให้นักศึกษาเกิดการตระหนักรู้และลดนักสูบหน้าใหม่ในสถานศึกษา
“กิจกรรมที่จัดขึ้นถือเป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ต่อนักศึกษาที่จะใช้เวลาว่างจากการเรียนมาฝึกซ้อมดนตรี ซึ่งถือเป็นการสร้างคุณค่าให้ตัวเอง ส่วนการประกวดเพ้นท์ผ้าดิบรณรงค์ ก็ได้ระดมความคิดและใช้ Skill (ทักษะ) รอบตัวที่ได้เรียนรู้จากในห้องเรียนมาออกแบบสื่อความหมายตามชื่อโครงการ ถึงการลดเหล้า ลดบุหรี่ และพัฒนาเด็ก GEN Z โดยจะนำผลงานที่ทำไปต่อยอดกับการเดินรณรงค์ชุมชนรอบๆ วิทยาลัยเพื่อสร้างการรับรู้จากนักศึกษาสู่ชาวชุมชนรอบรั้วสถานศึกษา” นางสาวรุ่งนภา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี