เจดีย์อัฐิ "พระราชมนู" ขุนศึกคู่พระทัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่วัดช้างให้ อำเภอเมืองอ่างทอง เป็นขุนศึกและสมุหพระกลาโหมคนสำคัญในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
วันนี้...พาไปเที่ยวจังหวัดอ่างทอง ไปชมเจดีย์อัฐิ "พระราชมนู" ขุนศึกคู่พระทัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่วัดช้าง (ช้างให้) ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นเจดีย์รูปทรงกลม (ระฆังคว่ำ) สมัยอยุธยาตอนปลาย บรรจุอัฐิพระราชมนูทหารเอกคู่ใจสมเด็จพระนเรศวรฯ พร้อมด้วยเจดีย์บรรจุอัฐิภรรยาพระราชมนู ทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวรฯ
ดร.ธวัช ทองโอภาส นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) ตลาดใหม่ เล่าให้ฟังว่า "พระราชมนู" นายกองทัพหน้า หรือท่ีรู้จักในภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในชื่อบุญทิ้ง หรือไอ้ทิ้ง นายกองเลือดเดือด ในสมัยอยุธยา พ.ศ.2128 มีการรบที่ทุ่งบางแก้ว พระราชมนู แม่กองระวังหน้า ได้ใช้วัดช้างเป็นที่ตั้งทับ 10,000 นาย โดยส่งกองทหารออกลาดตระเวนดูกองกำลังของกองทัพพระเจ้าเชียงใหม่ ที่เป็นแม่ทัพหน้าพม่า
ซึ่งการรบครั้งนี้เป็นการรบแบบกองโจรครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นำกองทัพไทยได้รับชัยชนะ และทรงโปรดเกล้าฯให้นำพระราชทรัพย์มาปฏิสังขรณ์ วัดช้าง (ช้างให้) โดยพระราชมนู (เพชร) ให้พ่อครูดาบพลอย ใช้เรือกระแชงนำไปขนทองคำและพัสดุที่จำเป็นจากกรุงศรีอยุธยามาช่วยบูรณะ หลังจากเปลี่ยนแผ่นดินพระราชมนูได้ลาออกจากราชการในตำแหน่งพระสมุหกลาโหม แล้วบวชอยู่ที่วัดช้างให้ จนสิ้นอายุขัย ทางคณะศิษย์และชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุอัฐิ พระราชมนู รูปทรงกลม (ระฆังคว่ำ) ตั้งไว้จนมาถึงปัจจุบัน
พระราชมนู หรือต่อมาคือ เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี เป็นขุนศึกและสมุหพระกลาโหมคนสำคัญในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พงศาวดารว่าพระราชมนู เป็นทหารที่เก่งกล้าและมีความสามารถ นอกจากนั้นยังเป็นทหารคู่พระทัยของสมเด็จพระนเรศวรอีกด้วย ซึ่งพระราชมนูมักออกศึกเคียงคู่พระนเรศวรในการตีเมืองต่างๆ เสมอ และสามารถชนะกลับมาได้เกือบทุกครั้ง รวมถึงศึกยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่ายอีกด้วยภายหลังพระราชมนูได้รับการโปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระนเรศวรให้เป็นออกญาพระสมุหกลาโหม แต่ประวัติของพระราชมนูมีอยู่น้อยมาก เพราะมีการกล่าวถึงในพงศาวดารไม่กี่เล่ม
พระราชมนูนั้น เคยรับพระราชบัญชาให้ไปตีเมืองๆหนึ่ง (ปัจจุบันอยู่ในเขตพม่า) ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ ในครั้งยังมียศเป็นคุณพระ ตอนนั้นองค์ดำเกรงว่าทัพน้อยของพระราชมนูจะไม่อาจเอาชัย จึงส่งทัพหลวงออกตามไปช่วย ปรากฏว่าเมื่อทัพหลวงไปถึง เมืองนี้ก็แตกเสียแล้ว ทัพหลวงไม่ต้องเข้าช่วยแต่อย่างใด
นอกจากนี้ พระราชมนู ยังมีความบ้าบิ่นอย่างที่ใครๆ ในยุคนั้นไม่กล้าคือการขัดรับสั่งของพระนเรศวรในคราวตามเสด็จศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งพระราชมนูขัดรับสั่งถอนทัพโดยกล่าวว่า "การรบกำลังติดพัน กลัวว่าถอยแล้วจะเป็นเหตุให้ข้าศึกตามตี" เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้เสด็จขึ้นครองราชย์สืบต่อจากสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระองค์จึงได้ปูนบำเหน็จให้พระราชมนูขึ้นเป็น เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี ที่สมุหพระกลาโหม พระราชทานพานทอง น้ำเต้าทอง เจียดทองซ้ายขวา กระบี่ ฝวักทองและเครื่องอุปโภคต่างๆ
ดร.ธวัช กล่าวต่อว่า ที่องค์การบริหารส่วนตำบลตลาดใหม่ ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานประวัติศาสตร์แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อให้คนไทยมีอนุสรณ์สถานซึ่งเป็นศูนย์รวมบรรพชนแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ อันเป็นต้นแบบในการดำรงชาติ ซึ่งเกิดจากความกล้าหาญ ความเสียสละด้วยเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อลูกหลานไทย จำนวน 12 ท่าน ขนาดองค์มีความสูง 3 เมตร เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี สมุหพระกลาโหม (พระราชมนู) ออกพระวิเศษไชยชาญ พระยาพิชัยสงคราม หรือขุนรองปลัดชู พันท้ายนรสิงห์ ขุนรัตนาวุธ พระอาจารย์ธรรมโชติ ปู่ดอก ปู่แก้ว ปู่แท่น ปู่อิน ปู่เมือง ปู่โชติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี