ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาหลายอย่างของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน อาทิ ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าซ่อมบำรุงมากกว่า และยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังมีนโยบายอุดหนุนรถยนต์อีวีของรัฐบาล โดยปัจจุบันรถยนต์อีวีมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกันอย่างดุเดือด ทำให้ต้องมีการพัฒนาคุณภาพกันอย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ถ.พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม (อก.) และ น.ส.หวัง ซือ ซือ เลขานุการ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยานและกล่าวแสดงความยินดี ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการพัฒนายกระดับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า ระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ด้านการวิเคราะห์ทดสอบยานยนต์ ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ของศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย (Thailand EV Center of Excellence : TECE) ระหว่าง สวทช. กับ China Automotive Engineering Research Institute (CAERI)
ทั้งนี้ ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผอ.สวทช. และ นายวีรพงษ์ เอี่ยมเจริญชัย รองเลขาธิการ สมอ. เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือชุดแรก และ ผอ.สวทช. ได้ร่วมกับ นายโจ หยู หลิน (Mr.Zhou Yu Lin) Chairman and Party Secretary of China Automotive Engineering Research Institute(CAERI) ร่วมลงนามในบันทึกชุดที่สอง พร้อมกันนี้ มีนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. ผู้แทนหน่วยงานรัฐ และเอกชน เข้าร่วม
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวว่า พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือของกระทรวง อว. โดย สวทช. และกระทรวง อก. โดย สมอ. เป็นการทำงานร่วมกันในการพัฒนายกระดับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล และสอดรับกับเป้าหมายการพาประเทศไทยไปสู่ Carbon Neutrality โดยกระทรวง อว. มีนโยบาย “อว. for EV” ซึ่งประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ 1.การพัฒนาบุคลากรด้านอีวี (EV-HRD) 2.การเปลี่ยนผ่านจากการใช้รถยนต์ไอซีอีมาเป็นอีวีในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานในกระทรวง (EV-Transformation) และ 3.การวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมในอีวี (EV-Innovation)
“สวทช. ในฐานะหน่วยงานในกระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการทำงานสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่า 20 ปีได้ขานรับนโยบายของ อว. for EV โดยบูรณาการการทำงานของ สวทช. ทั้งการวิจัย พัฒนากำลังคน ให้คำปรึกษาและบริการวิเคราะห์ทดสอบ โดยจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย Thailand EV Center ofExcellence หรือ TECE เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวง อว. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมอีวี โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น EV Hub ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” น.ส.ศุภมาส กล่าว
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อก. กล่าวว่า กระทรวง อก. มีความยินดีในความร่วมมือกับกระทรวง อว. ในทุกด้านเพื่อร่วมผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทย ก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตนเชื่อว่าด้วยศักยภาพของ สมอ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินงานด้านการมาตรฐานของประเทศ ได้บูรณาการความร่วมมือกับ สวทช. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประกอบกับศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ที่กระทรวง อก. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ จะร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จได้
โดยความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ดึงดูดนักลงทุนรายใหม่ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ สร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และทำให้ไทยสามารถรักษาความเป็นผู้นำด้านยานยนต์อันดับ 1 ในอาเซียน และ 1 ใน 10 ของโลก รวมทั้งสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดก๊าซเรือนกระจก และก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 ด้วย
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผอ.สวทช. กล่าวว่า นี่คือโอกาสอันสำคัญในการเดินหน้าความร่วมมือกันระหว่าง สวทช.และ สมอ. ในการพัฒนายกระดับมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ การส่งเสริมให้เกิดการสนับสนุนการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า และสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าระหว่างกัน และอีกโอกาสสำคัญหนึ่งของ สวทช. คือการเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศด้านยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย หรือ TECE โดยศูนย์นี้ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้กระทรวงอว. ดำเนินการโดย สวทช. ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อดำเนินการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานพาหนะไฟฟ้าของไทยด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้วยกลไกของ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในประเทศและสร้างความสามารถทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี
ทั้งนี้ ศูนย์ TECE มีพันธกิจ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ดำเนินการพัฒนางานวิจัยด้านชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้า และอุปกรณ์ความปลอดภัยในการใช้รถและถนนที่ร่วมกับผู้ประกอบการไทยเพื่อให้เกิดการผลิตในประเทศ 2.พัฒนากำลังคนเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานพาหนะไฟฟ้าในประเทศ 3.เชื่อมโยงเครือข่ายการให้บริการวิเคราะห์และทดสอบยานพาหนะไฟฟ้าและชิ้นส่วนร่วมกับพันธมิตรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และ 4.บริการให้คำปรึกษาและจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเพื่อการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้าให้แก่ผู้ประกอบการไทย
นอกจากนี้ TECE ยังได้รับความร่วมมือจาก Chairman and Party Secretary of China AutomotiveEngineering Research Institute (CAERI) ซึ่งเป็นหน่วยงานชั้นนำด้านการวิเคราะห์ทดสอบยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน อันเป็นอีกที่มาของพิธีลงนามความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ CAERI ในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนศูนย์ TECE ในเรื่องเทคโนโลยีการวิเคราะห์ทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาในอนาคต
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า สมอ. ยินดีที่ได้มีส่วนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล สมอ. ในฐานะสถาบันการมาตรฐานแห่งชาติ ได้กำหนดมาตรฐานเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว จำนวน 159 มาตรฐาน รวมทั้งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานโลกแห่งแรกในอาเซียน รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2569
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี