กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช. ) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ “โครงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา” เพื่อสร้างผู้สอน นักเรียนทุกคน ทุกช่วงชั้น ให้มีความรู้ด้าน AIมีความเข้าใจและตระหนัก เรื่องจริยธรรมของการนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล และรองรับตลาดแรงงานสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) กล่าวแสดงความยินดีและมอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. กล่าวว่า ศธ.มีนโยบายที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา เพราะโลกการศึกษาในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นประเด็นความท้าทายด้านการศึกษาของประเทศไทย การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงระบบดิจิทัลเข้ามาใช้พัฒนาผู้เรียน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษาได้ โดยเฉพาะผู้เรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล หรือโรงเรียนขนาดเล็กที่ครูผู้สอนไม่ครบชั้น ขาดแคลนสื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน โดยทุกวันนี้ AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันการทำงานและการศึกษา ดังนั้น นักเรียน นักศึกษาจะต้องได้รับทักษะใหม่ๆ เช่น ทักษะในการคิด การวิเคราะห์ การตัดสินใจ การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ คาดหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะนำไปปรับใช้เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการจัดการศึกษาในโลกอนาคตที่สอดคล้องกับเด็กไทย เราต้องมาร่วมมือกันพัฒนาผู้เรียนทุกช่วงวัยตามนโยบายการทำงาน “การจับมือไว้แล้วไปด้วยกัน” ส่งต่อจากระดับปฐมวัย ประถมศึกษามัธยมศึกษา สู่ระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพ
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต กระทรวง อว. เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการศึกษามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กไทย ให้นักเรียนทุกคนมีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการใช้ AI เข้าใจถึงประโยชน์และความเสี่ยง รวมไปถึงจริยธรรมในการใช้งาน ซึ่ง “โครงการขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา” เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของ “อว. for AI”ที่เน้นการพัฒนาทักษะและสร้างบุคลากรด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับนักเรียนไทยตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการสอนปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษา และขอแสดงความยินดีกับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการศึกษาไทยให้ตอบสนองกับความต้องการของศตวรรษที่ 21 สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ. 2565 - 2570) หรือ National AI Strategy สนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากำลังคน AI ระดับต้น (Beginner) ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะที่จำเป็นในการใช้ AI เพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ก้าวหน้าต่อไป
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความคาดหวังจากความร่วมมือโครงการฯ นอกเหนือจากที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่แล้ว การดำเนินโครงการยังมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของการเปิดให้เกิดการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา มีการวัดผลการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล ที่สามารถติดตาม วิเคราะห์ และประเมินผลการเรียนรู้แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การออกแบบใบรับรองความสามารถ รวมถึงสะสมเครดิตการเรียนรู้ผ่านระบบธนาคารเครดิต การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับนโยบาย “ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง” ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นรูปธรรม
“ความร่วมมือในการครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เด็กๆ ให้ความสนใจที่จะเรียน และผู้ปกครองก็คิดว่าเป็นความรู้ที่ลูกๆ ของเขาควรจะได้เรียน ฉะนั้น วิชานี้ไม่ว่าผู้เรียน ผู้สอน หรือ ผู้ปกครองก็จะเห็นตรงกันว่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งวิชา AI เป็นวิชาที่ใหม่ของครูและนักเรียน โดยทาง สสวท.จะออกแบบวิชาให้เป็นรูปแบบสมัยใหม่ เป็นลักษณะไมโครเครดิต สามารถนำไปสอนในชั่วโมงต่างๆ ได้ และเผยแพร่ไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว สอนได้ทั้งทางออนไซต์และออนไลน์ จะทำให้สร้างบรรยากาสการตื่นตัวในความสนใจใคร่รู้ของผู้เรียนได้มากกว่าปกติ ส่วนหลักสูตรนี้ สสวท.และเนคเทค ได้ปรับรูปแบบซึ่งสามารถนำไปใช้ได้เลย ถ้าโรงเรียนมีความพร้อม และวันนี้ก็ถือว่าเราได้คลิกออฟโครงการฯนี้ไปเรียบร้อยแล้ว“ นายสิริพงศ์ กล่าว
ขณะที่ ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้ง 4 หน่วยงานได้ผนึกกำลังทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่น ในการขับเคลื่อนให้เกิดการสอนเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถานศึกษาทั่วประเทศ และล่าสุด สวทช. เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรไทยให้มีความพร้อมในการใช้และการพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเริ่มตั้งแต่ระดับพื้นฐานในโรงเรียนไปถึงระดับมหาวิทยาลัย จึงได้ร่วมกับพันธมิตรในการเตรียมวางแผนการขับเคลื่อนความรู้ความเข้าใจด้านปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในระดับต้นร่วมกัน เพื่อสร้างผู้สอน นักเรียนทุกคน ทุกช่วงชั้น ให้มีความรู้ด้าน AIมีความเข้าใจและตระหนักเรื่องจริยธรรมของการนำไปใช้ประโยชน์ เป็นการเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดิจิทัล และรองรับตลาดแรงงานสมัยใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 โดยมีกรอบการดำเนินงาน ได้แก่ 1.สร้างหลักสูตร AI ที่มีความเหมาะสมของผู้เรียน และผู้สอน ให้สามารถถ่ายทอดความรู้ได้อย่างเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละช่วงชั้น 2.สร้างครูผู้สอนให้มีความรู้ทางด้าน AI และการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมของการสอนแต่ละช่วงชั้น 3.สร้างมาตรฐานหลักสูตร AI เพื่อนำไปสู่การออกแบบใบรับรองความสามารถ 4.พัฒนาโครงการนำร่อง ก่อนส่งเสริมให้เกิดการสอนเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีสมัยใหม่ในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ 5.แลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้ รวมทั้งจัดฝึกอบรม และสัมมนาระหว่างบุคลากรของทั้งสองฝ่าย และดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี