สิ้นแล้ว"หลวงปู่เฉลิม" พระเกจิดังเทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์ ละสังขารอย่างสงบ ศิษยานุศิษย์หลั่งไหลกราบสรีระสังขารแน่นวัด
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่เฉลิม ผลปญฺโญ หรือ พระครูวินิตปัญญาคุณ พระเกจิชื่อดังแห่ง วัดพวงนิมิต ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์ ได้มรณภาพ ละสังขารอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลเขาฉกรรจ์ฯ เมื่อเวลา 23.54 น.คืนวันที่ 18 ก.ค.67 ทำให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่เฉลิม เมื่อทราบข่าวการละสังขารของหลวงปู่เฉลิม ต่างพากันเศร้าโศกเสียใจ และพากันหลั่งไหลเดินทางมายังวัดพวงนิมิต เพื่อกราบสรีระสังขารของหลวงปู่เฉลิม กันจนแน่นวัด
หลวงปู่เฉลิม ผลปญฺโญ หรือ พระครูวินิตปัญญาคุณ วัดพวงนิมิต ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์ ท่านได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.เขาฉกรรจ์ หลังเกิดอาการชักเกร็ง หมดสติไป หลังเดินทางกลับมาจากไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่ จ.ลำปาง ลูกศิษย์จึงได้นำส่ง รพ.เขาฉกรรจ์ ก่อนที่จะมรณภาพไปอย่างสงบ ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ในช่วงเวลา 23.54 น.คืนวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง หลวงปู่เฉลิม สิริอายุ 80 ปี 55 พรรษา
หลวงพี่เอ้ ลูกศิษย์คนสนิทหลวงปู่เฉลิม เผยว่า วันนั้นตนเองก็ส่งหลวงปู่เข้านอนตามปกติ และก่อนจะนอนตนเองยังได้พูดคุยกับหลวงปู่ด้วยอาการที่ปกติ แต่วันนั้นอยู่ดีๆ แมวของหลวงปู่ ชื่อ เจ้านาค ซึ่งเป็นแมวเพศเมีย ที่หลวงปู่เลี้ยงไว้ใกล้ชิดตลอดเวลา อยู่ดีๆ มันก็ไม่ยอมเข้าห้องนอน มันคอยเดินวนไปมาอยู่แถวๆ หน้ากุฏิ หลวงปู่เรียกมันอยู่หลายครั้งมันก็ไม่ยอมเดินเข้ากุฏิ จนหลวงปู่ต้องเดินมาแล้วบ่นว่าให้ช่วยไล่เจ้านาคเข้ากุฏิให้ที ตนเองจึงได้วิ่งไปเรียกให้เจ้านาคเข้าห้อง ซึ่งตนเองได้เรียกอยู่พักใหญ่ เจ้านาคถึงจะยอมเดินกลับเข้ากุฏิ หลังจากนั้นตนเองก็ได้ยินเสียงเหมือนขวดล้ม จึงรีบวิ่งเข้าไปในกุฏิ พบว่า หลวงปู่กำลังนอนชักเกร็ง ตนเองจึงได้รีบเรียกพระรูปอื่นให้เข้ามาช่วยกันพยุงตัวหลวงปู่ พร้อมทั้งบีบนวดที่ตัวหลวงปู่ให้หายชักเกร็ง แต่ตอนนั้นตนเองก็สังเกตเห็นว่าหลวงปู่มีอาการหมดสติไปแล้ว จึงได้รีบนำตัวหลวงปู่ส่งโรงพยาบาล จากนั้นทางแพทย์จึงได้ทำการปั๊มหัวใจหลวงปู่ อยู่ 2 ถึง 3 ครั้ง ทีแรกคิดว่าจะส่งตัวหลวงปู่ไปที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี แต่ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านไม่ยอมรับออกซิเจน จึงทำให้ท่านมรณภาพไปอย่างสงบ หลังจากนั้นศิษยานุศิษย์จึงได้นำร่างของหลวงปู่เฉลิม กลับมาที่วัดพวงนิมิต ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมจัดพิธีรดน้ำศพ ในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 20 ก.ค.67 เนื่องจากอยู่ระหว่างขอพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ รวมทั้งทางบรรดาศิษยานุศิษย์ได้เตรียมจัดงานสวดอภิธรรมศพของหลวงปู่ เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ตั้งแต่คืนวันที่ 20 ก.ค.67 เป็นต้นไป เพื่อน้อมส่งหลวงปู่เฉลิม สู่นิพพาน
หลวงพี่เอ้ ยังเผยอีกว่า ตนเองอยู่กับหลวงปู่มาตั้งแต่เป็นลูกศิษย์วัดจนกระทั่งบวชเณร และมาบวชพระตอนนี้ ก็อยู่กับหลวงปู่มา 20 ปีแล้ว เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วมีพระรูปหนึ่งได้ถามหลวงปู่ว่าตอนนี้หลวงปู่อายุเท่าไหร่ ท่านตอบว่าตอนนี้อายุ 80 ปี และท่านก็ยังพูดต่ออีกว่าท่านอยู่ได้แค่อายุ 80 เท่านั้นไม่เกินนี้ คำพูดนี้เหมือนหลวงปู่จะพูดเป็นลางไว้ แต่ตนเองก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจอะไร จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ จึงทำให้หลวงปู่มรณภาพในวัย 80 ปี ตามที่หลวงปู่ได้พูดไว้จริงๆ ตนเองซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดกับหลวงปู่ และรักใคร่ ผูกพัน กับหลวงปู่มาก เหมือนเป็นพ่อคนนึงเลยก็ว่าได้ ตนเองรู้สึกเสียใจมากๆ
ด้าน คุณสิรภพ ซึ่งได้เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ ก็เป็นอีกหนึ่งคนซึ่งมีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่มานานถึง 10 ปีแล้ว ถ้าจะเอ่ยถึงพุทธคุณของหลวงปู่ว่าศักดิ์สิทธิ์ในด้านไหนบ้าง คุณสิรภพ กล่าวว่า ท่านเก่งไปรอบด้านจริงๆ ไม่ว่าจะช่วยเรื่องไสยศาสตร์ดูดวง ท่านสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ยังกับตาเห็น โดยที่ตนเองเชื่อสนิทใจเพราะเคยเห็นมาแล้วกับตา จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่มากๆ หลังจากทราบข่าวการมรณภาพของหลวงปู่ ตนและครอบครัวรู้สึกเศร้าใจ และเสียใจเป็นที่สุด จึงได้พากันเดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ เพื่อที่จะมากราบสรีระสังขารของหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้าย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี