หยุดหยาวเทศกาลวันเข้าพรรษา ประจำปี 2567 บรรดาผู้ปกครองนำพาบุตรหลาน ร่วมกิจกรรมลงแขกดำนาปลูกข้าว อนุรักษ์สืบสานฟื้นวิถีทำนาแบบไทย และเที่ยวชมสวนเกษตรอินทรีย์ เก็บชิมลูกอินทผาลัม ที่ตอนนี้อินทผาลัมกำลังออสู่ท้องตลาด
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันหยุดยาววันเข้าพรรษาปีนี้ ที่ จ.บุรีรัมย์ ได้มีผู้ปกครองนำพาบุตรหลาน เดินทางมากันเป็นครอบครัวและหมู่คณะ เพื่อมาร่วมกิจกรรมดำนาปลูกข้าว และการเปิดสวนอินทผาลัมบุรีรัมย์ 2 “ฟาร์มบ้านนาบ้านเรา” ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 สายบุรีรัมย์-กระสัง ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
โดยมี นายคำเคลื่อน พละชัย นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ นายสำเรือง พินงรัมย์ ประธานบริหารฟาร์มบ้านนาบ้านเรา ร่วมกับคณะผู้ปกครอง บุตรหลาน เด็กนักเรียน และนักท่องเที่ยว ร่วมลงแขกดำนาร่วมกันลงในแปลงนาสาธิต บนเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญา และเรียนรู้กระบวนการการทำนาแบบดั้งเดิมของชาวนาไทย ที่มีมาตั้งแต่ในยุคสมัยปู่ ย่า ตา ยาย ว่าได้มีการทำนากันอย่างไร เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้หายไป ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานของเด็กๆ ที่ได้สัมผัสกับวิถีการทำนา
พร้อมกันนี้ นายคำเคลื่อน พละชัย นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ นายสำเรือง พินงรัมย์ ประธานบริหารฟาร์มบ้านนาบ้านเรา ยังได้นำเที่ยวชมสวนอินทผาลัม และตัดพวงผลอินทผาลัม เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย และความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2567 ด้วย
สำหรับสวนอินทผาลัมบุรีรัมย์ 2 “ฟาร์มบ้านนาบ้านเรา” แห่งที่ 2 นี้ ตั้งอยู่ที่บริเวณริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 สายบุรีรัมย์-กระสัง ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บนเนื้อที่ 40 ไร่ ปลูกต้นอิทผาลัมจำนวน 370 ต้น ส่วนสวนอินทผาลัมแห่งแรก ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนกระสัง-ลำดวน ต.ชุมแสง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งปลูกแบบอินทรีย์มีจำนวนกว่า 700 ต้นบนเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ที่ตอนนี้กำลังทยอยให้ผลผลิตออกสู่ท้องตลาด รวมทั้งได้เปิดเป็นสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ ทั้ง 2 สวนด้วย
นายสำเรือง พินงรัมย์ ประธานบริหารฟาร์มบ้านนาบ้านเรา เปิดเผยว่า ได้จัดกิจกรรมการลงแขกดำนาในครั้งนี้ ลงบนแปลงนาในเนื้อที่จำนวน 7 ไร่ เพื่อให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ได้ร่วมศึกษาเรียนรู้อนุรักษ์สืบสานการทำนาของไทยให้คงอยู่ไว้ พร้อมกับเปิดตัวสวนอินทผาลัมแห่งนี้เป็นแห่งที่ 2 เพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรแบบผสมผสานครบวงจร บริเวณด้านหน้าเป็นจุดจำหน่ายกาแฟ อินทผาลัม และผลผลิตจากอินทผาลัม ทั้งไอศครีม แยมทาขนมปัง ไซรัปอินทผลัม รวมถึงเครื่องดื่มจากอินทผาลัม เพื่อรองรับผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำตามภาวะกลไกตลาดในอนาคตด้วย หลังจากที่มีคนหันมาปลูกเพิ่มมากขึ้น และเพื่อให้เป็นจุดเช็คอินและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ รวมทั้งเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตรแบบครบวงจร แก่เกษตรกรที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้ฟรี ทั้งหวังสร้างงานสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในชุมชนไม่ต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่นด้วย
นายสำเรือง เปิดเผยต่อว่า สำหรับสวนแห่งนี้แต่เดิมเป็นพื้นที่ทุ่งนาว่างเปล่า ตนได้พัฒนาจัดสรรพื้นที่ทั้ง 40 ไร่ ให้เป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ผสมผสาน และจะไม่มีการใช้ปุ๋ยหรือสารเคมีในพื้นที่ โดยแบ่งพื้นที่ทำนาประมาณ 7 ไร่ ส่วนที่เหลือก็แบ่งปลูกไม้ผล อาทิ มะม่วง ฝรั่ง มะพร้าวน้ำหอม อะโวคาโด ขุดสระ ทำลานแคมป์ปิ้ง สร้างบ้านต้นไม้ และปลูกอิทผาลัม จึงทำให้อินทผาลัมที่ได้ปลุกไว้กว่า 370 ต้น ซึ่งเป็นต้นพันธุ์เพาะเนื้อเยื่อสายพันธุ์บาฮีแดง ,บาฮีเหลือง ,อัมเอ็ดดาฮาน และฟูไดรี่ เป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากมีจุดเด่นคือ ลูกใหญ่ เปลือกบาง เนื้อหนา กรอบ หวานฉ่ำ ซึ่งเคล็ดลับคือการไม่ใช้ปุ๋ยหรือสารเคมี แต่ใช้ปุ๋ยคอกจากมูลวัว โดยเป็นวัวที่ทางสวนได้เลี้ยงเอาไว้เอง ซึ่งตอนนี้ผลผลิตกำลังออกสู่ท้องตลาดแล้ว โดยส่งจำหน่ายให้กับห้างสรรพสินค้า ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้ง 19 สาขา และมีวางจำหน่ายหน้าสวนด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี